Skip to main content

Featured

[Wrap Up + Replay] 2400 Inner System Blue : Missing Cyber Doc

หน้าปกเกม 2400 : Inner System Blues Introduction เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วหลังจากที่เราห่างหายการรัน TRPG ไปนานราวๆ 3 เดือน เราคิดว่าจะลองรันแบบ Play by Post หรือการ TRPG ผ่านทางการพิมพ์หรือการตั้งกระทู้ดู น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์หลังจากที่สถานการณ์โควิดดีขึ้นจนมีเวลาว่างไม่มากเท่าแต่ก่อน หลังจากทำการค้นข้อมูลสักพักจากเว็บบอร์ดต่างประเทศ รวมทั้งคลิป Youtube ที่แชร์ประสบการณ์การ Play by Post ทั้งที่ประสบความสำเร็จและที่ล้มเหลว เราก็ได้เลือกระบบเกมและร่างพล็อตของเกมขึ้นมา หลังจากนั้นจึงรับสมัครผู้เล่นใน Discord ของกลุ่ม Onion Knight Table  และเล่นกันในกลุ่ม เริ่มเล่นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ลากยาวมาจนจบในช่วงเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน

ความรู้สึกหลังเล่น : Witcher 3 Enhanced Edition

Picture from : https://staticdelivery.nexusmods.com/mods/952/images/3522/3522-1569711693-2125267923.png

The Witcher 3 Enhanced Editon (W3EE) คืออะไร

The Witcher 3 Enhanced Edition เป็น Overhaul Mods ของเกม The Witcher 3 : Wild Hunt ที่ทำการ "ยกเครื่อง" ระบบในเกมเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบสกิลและการต่อสู้, ระบบการทำ Potions ต่างๆ รวมถึงไอเทมต่างๆในเกมที่ถูกเปลี่ยนคุณสมบัติให้แตกต่างไปจากเดิม อธิบายสั้นๆสำหรับ Mod นี้ก็คือการเปลี่ยนเกม The Witcher 3 ให้กลายเป็น Dark Soul

ที่มาของ Mod นี้ก็มาจากกลุ่มคนผู้ซึ่งเล่นเกม The Witcher 3 แล้วรู้สึกว่าอยากให้เกมมันท้าทายกว่านี้และอยากให้ผู้เล่นเข้าถึง "ประสบการณ์ของการเป็น Witcher" ที่แท้จริง กล่าวคือต้องรู้ว่ามอนสเตอร์ที่เราไปสู้นั้นคืออะไร, มีลักษณะการโจมตีอย่างไร, ต้องเตรียมตัวสู้อย่างไรบ้าง จะเลือก Potions อะไรมาใช้, อาวุธที่ใช้เหมาะสมหรือเปล่า และจะใช้กลยุทธ์อะไรในการต่อสู้ เรียกได้ว่าเข้มข้นและทำให้เราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเกมได้อย่างที่เกมต้นฉบับไม่สามารถทำได้ (เพราะตัวเกมต้นฉบับนั้นพอเล่นไปถึงจุดหนึ่งทุกอย่างมันจะง่ายไปหมด รวมทั้งระบบเกมที่ไม่ต้องมาจัดการอะไรเยอะแยะ)

จะเล่น The Witcher 3 Enhanced Edition ได้อย่างไร

อย่างแรกคือต้องมีตัวเกมหลักก่อนหลังจากนั้นจึงไปดาวน์โหลด Mods จาก https://www.nexusmods.com/witcher3/mods/3522?tab=description ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถโหลดมาแล้วติดตั้งตามคำแนะนำที่อยู่ในหน้าดาวน์โหลดได้เลย หลักๆแล้วไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ Copy ไฟล์ไป Paste ใน Directory ของเกมเท่านั้น

ความรู้สึกหลังจากได้เล่น

กว่าจะตัดสินใจเล่นจนจบได้คือลบ Mod แล้วลงใหม่ถึง 3 รอบ เพราะพอเริ่มเล่นแล้วรู้สึกว่ายากเกินไป เล่นแบบปกติดีกว่าแต่มันก็คาใจเพราะเป็น Challenge ที่รอให้เราเอาชนะอยู่ และเราก็ไม่อยากหนีหายไปเฉยๆสุดท้ายจึงตัดสินในว่าจะลองดูสักตั้งและก็เล่นจนจบได้ (ที่สำคัญคือมันสนุกกว่าตัวเกมต้นฉบับอีก) คือพอเกมมันยิ่งยาก พอเราเอาชนะได้มันก็ยิ่งสนุก

สำหรับเรื่องความยากของ mod นี้ เราคิดว่ามันทำให้ยากเพราะมันเเปลี่ยนแปลงระบบในเกมไปเยอะมาก เรียกได้ว่าตัดตัวช่วยหลายๆอย่างของเราทิ้งไป เราสรุปมาได้ 3 เรื่องหลัก นั่นคือระบบการต่อสู้, ระบบการปรุงยา และระบบ Inventory

ระบบการต่อสู้

ในระบบต่อสู้นั้นแต่เดิมตัวเกมไม่ได้ถูกทำมาให้เป็น Action แบบต้องดูจังหวะอะไรมากนัก แค่เพียงกดหลบกดโจมตีเท่านั้น การโจมตีก็มีระบบ Soft Lock on ซึ่งจะหันการโจมตีของเราไปหาศัตรูโดยอัตโนมัติ ขอเพียงแค่อยู่ในระยะเท่านั้น ส่วนเวลาหลบก็ไม่ซับซ้อนมาก แค่กดหลบให้พ้นระยะก็เพียงพอแล้ว ซึ่งตัว Mod ไปแก้ในเรื่องนี้โดยการโจมตีและการหลบเราต้อง "เล็ง" ด้วยมุมกล้อง แปลว่าในแต่ละการโจมตีเราต้องมั่นใจว่าเราหันกล้องถูกแล้วจึงโจมตี เช่นเดียวกันกับการหลบ หากหลบไปผิดทิศทางก็มีโอกาสที่จะโดน Damage ได้อีก และที่สำคัญคือเราจะโจมตีและหลบพร่ำเพรื่อไม่ได้เพราะว่าทั้งการหลบและการโจมตีนั้นต้องใช้ Stamina เหมือนกับเกมตระกูล Dark Soul ดังนั้นถ้าเกิดหลบและโจมตีโดยไม่คิด ผลลัพธ์ก็คือเราจะไม่มี Stamina เหลือไว้หลบ, ป้องกันหรือว่าโจมตีอีกต่อไป และต้องใช้เวลาสักพักกว่า Stamina จะฟื้นกลับมา และภายในเวลาสักพักที่ว่ามันก็หมายถึงความตายนั่นเอง

และเนื่องจากตัวเกมนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นแบบ Dark Soul ดังนั้นตัวเกมต้นฉบับจึงไม่ได้ทำ Hit Boxes มาละเอียดนัก ดังนั้นต่อให้เราเห็น Animation ในเกมว่าเราหลบพ้นแล้ว แต่ที่จริงก็อาจไม่พ้นก็ได้ ทำให้ค่อนข้างประสาทเสียประมาณหนึ่งในการเล่นช่วงแรกๆเพราะการเรียนรู้ Movement ของศัตรูแต่ละตัวหลักๆแล้วคือการสังเกตว่าตรงไหนบ้างที่ไม่โดน Hit Boxes เวลาหลบและต้องเริ่มหลบตอนไหน แต่พอเริ่มจับทางได้แล้วก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้การใช้ "Sign" ของ Witcher ในเกมก็เปลี่ยนไป เดิมที่คา Stamina นั้นถูกใช้สำหรับ Sign แต่พอลง Mod แล้วการใช้ Sign จะใช้ค่า "Vigor" แทน ซึ่งเราจะมีค่า Vigor ทั้งหมด 3 แต้ม ใช้ Sign 1 ครั้งก็จะลดค่า Vigor 1 แต้ม และค่า Vigor นั้นฟื้นฟูได้ช้ามากๆ รวมทั้งหากค่า Vigor ลดต่ำมากๆก็จะส่งผลต่อพลังโจมตีและการฟื้นฟู Stamina อีกต่างหาก ดังนั้นการใช้ Sign จึงต้องใช้ในจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งในส่วนนี้คนทำ mod เขาตั้งใจทำให้เป็น Lore friendly หมายถึงการทำมาเหมือนในหนังสือที่การใช้ Sign ของ Witcher นั้นจะใช้ในเวลาที่จำเป็นและจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น (เพราะมันเปลืองแรงและมันไม่ได้รุนแรงมากนัก) ในระหว่างที่ในเกมต้นฉบับนั้นสามารถกดใช้ Sign ได้ทุก 2 วินาทีหากใช้ชุดเกราะและอาวุธที่สนับสนุนการใช้ Sign

ระบบการปรุงยาและ Inventory

ความยากของการปรุงยาใน mod นี้มีที่มาจาก 2 เรื่อง เรื่องแรกคือระบบ Inventory ที่จำกัดปริมาณน้ำหนักบรรทุก และวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงยา (รวมถึงวัตถุดิบสำหรับทำชุดเกราะ) มีน้ำหนัก ซึ่งในเกมต้นฉบับนั้นจะไม่มีน้ำหนักในส่วนนี้ ดังนั้นการกักตุนวัตถุดิบจึงทำได้ยาก ซ้ำร้ายระบบ Stash หรือว่าหีบเก็บของที่ปกติจะมีให้ตามที่ต่างๆก็ถูกถอดออกไป เหลือเพียงที่เก็บของบนหลังม้าเท่านั้น เรื่องที่สองคือเงินทองที่ค่อนข้างหายากและวัตถุดิบหลักในการทำ Potion อย่าง Alcohol ก็ไม่ได้มีให้เก็บเยอะเหมือนตัวเกมต้นฉบับ ดังนั้นการหาเงินเพื่อไปซื้อ Alcohol จึงค่อนข้างลำบาก ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจดีๆว่า Alcohol ที่มีจำกัดนั้นจะถูกนำไปใช้ทำ Potion อะไร และ Potion ก็ควรเก็บเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้การดื่ม Potion ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี เนื่องจากทุกครั้งที่ใช้ Potion ค่า Toxicity หรือว่าค่าพิษในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ยิ่งค่าพิษสูงก็จะทำให้การฟื้นฟู Stamina และ Vigor ลดลง รวมทั้งมีโอกาสที่จะเกิด Toxicity Fever หรืออาการไข้ที่เกิดจากพิษ Potion อีกต่างหาก ซึ่งไข้นั้นสามารถเกิดได้ในทุกช่วงเวลา ทั้งเวลาต่อสู้และเวลาปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีไข้คือเราจะเสีย Vigor Point ทั้งหมดและการฟื้นฟู Vigor และ Stamina ก็จะลดลงกว่าปกติมาก การมองเห็นก็จะเบลอๆ มองไม่ชัด ซ้ำเติมความยากลำบากในการเล็งแบบ Manual ไปอีกขั้น

Summary

ตัว Mod ตัวนี้เป็น Mod สำหรับคนที่ต้องการความท้าทายใหม่ๆและประสบการณ์การเป็น Witcher เอาจริงๆแล้วระดับความลำบากก็ใกล้เคียงกับ Fallout 4 : Survival mode เลยทีเดียว เป็นระดับความยากที่เมื่อเริ่มเล่นใหม่ๆนั้นแทบจะเลิกเล่นไปเลย แต่ถ้าเกิดอดทนจนผ่านไปถึงจุดหนึ่งได้ตัวเกมก็จะตอบแทนด้วยความสนุกที่มากล้น (แม้ว่าต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างเยอะขึ้นก็ตาม)

การเล่น W3EE ในครั้งนี้นับเป็นการเล่นครั้งที่สอง และในครั้งนี้ที่เล่นจบก็นับว่าเป็นการจบสมบูรณ์จริงๆ เพราะเราเล่นในระดับความยากที่ยากที่สุดและเราเอาชนะมันได้ เอาชนะความค้างคาใจ (ที่ไปหามาด้วยตัวเอง) ที่หลอกหลอนช่วงที่คิดจะเลิกเล่นเพราะ mod ยากเกินไปได้ ก็ตลกตัวเองเหมือนกันว่าทำไมชอบหาเรื่องเหนื่อยมาให้ตัวเองแม้กระทั่งการเล่นเกม (หัวเราะ) อาจเป็นเพราะโดยส่วนตัวชอบเล่นเกมที่มันต้อง Manage อะไรเยอะๆก็เป็นได้ (แต่ไม่ชอบเกมวางแผนการรบหรือว่าเกมสร้างเมือง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เหมือนกับว่าชอบการ Manage ในระดับ Micro มากกว่า Macro) 

ดังนั้น สำหรับใครที่เล่น The Witcher 3 : Wild Hunt จบแล้วและรู้สึกว่าตัวเกมมันง่ายเกินไป หรือแม้กระทั่งคิดว่าตัวเกมนั้นมันไม่เหมือน Witcher ที่เรารู้จักในหนังสือเอาเสียเลย เราก็อยากจะขอแนะนำให้ลองโหลด Mod ตัวนี้มาเล่นดู รับรองว่าคุ้มค่าเวลาและความหัวร้อนแน่นอน

Comments