[Replay] [Play by Posts] 2400 Cosmic Highway : The Delivery EP 3
![]() |
โครงกระดูก Leviathan ที่ยังหลงเหลืออยู่ใน Leviathan Crossing |
Link to Replay Part 1
Replay Part 3
ในขณะที่ Dutch กับ Guillermo กำลังคุยกันเรื่องมัมมี่ Franchetti ที่ทิ้งวิชาชีวะวิทยาไปตั้งแต่ 9 ขวบได้เตรียมการต่อ Monolith เข้ากับ AI จำลองของบีแบพแล้ว “ที่เหลือก็แค่ Launch แล้วอยากมาดูด้วยกันรึเปล่า?” Franchetti เรียกเพื่อนๆมาดูโชว์ DEUS EX MACHINA
"นี่คงไม่ได้ต่อเข้ากับ AI ที่เป็น Copilot ของยานใช่ไหม? หวังว่าจะใช้ Server ส่วนตัวมาทดสอบนะ จะได้ปิดสวิตช์มันได้ถ้ามีอะไรผิดพลาด"
"Fran มันไม่น่าโง่ขนาดนั้นมั้ง Doc"
"ได้ยินนะเฟ้ย AI ยานก็ AI ยานไม่ยุ่งอยู่แล้ว นี่ของจำลองเหมือนเอาวัวที่เราดูดจาก E-69 ไปปล่อยที่ดาวเคราะห์ Rule-31 ไง เข้าใจคร่าวๆไหม?" Franchetti อธิบายพลางทำไม้ทำมือประกอบ
"ถ้าคุณพร้อมก็เริ่มการทำงานของมันได้เลย ผมเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน" Guillermo ชูมือให้สัญญาณ
Franchetti เริ่มทำการ Launch เชื่อม Monolith ที่ได้มาใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้จะแสดงอะไรออกมาให้เห็น ส่วน Dutch ยืนเคี้ยว Protein Bar รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
Franchetti ต่อโมโนลิธเข้ากับกล่อง AI แล้วต่อจอและฮาร์ดดิสก์แยกออกมาเพื่อเก็บข้อมูล เมื่อต่อเรียบร้อยและ ai เริ่มเดินเครื่อง เจ้าโมโนลิธนี้ก็ดูเหมือนจะตื่นขึ้นจากการหลับไหล เกิดแสงไฟสีฟ้าติดๆดับๆก่อนจะสว่างค้าง ผลึกสีแดงเปล่งแสงสว่างจ้า AI เทสต์ระบบ ทดสอบการเชื่อมต่อ parameter ต่างๆเริ่มมีการผันผวนและคงที่ในเวลาไม่นาน. แต่ความสเถียรก็อยู่ไม่นาน อยู่ๆ RAM ของ AI ก็ถูกยึดพื้นที่ใช้งานไปเกือบ 90% เหมือนกำลังรันโปรแกรมที่ซับซ้อนและใช้พลังการคำนวณสูง ก่อนที่ AI จะได้ป้อนคำสั่งอะไรเข้าไปก็มีการรันโปรแกรมบางอย่างที่นอกเหนือจากชุดโปรแกรมแรกเริ่ม
สว่างวาบกว่าเดิม เกิด pulse สนามพลังงานสีฟ้าขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วปกคลุมอาณาเขตเกินระยะตรวจจับของยานออกไป . ไม่นาน pulse สนามพลังก็เดินทางกลับมา และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
- ข้อมูลมหาศาลถูกบันทึกลงฮาร์ดไดรฟ์ มีทั้งไฟล์เสียง, แผนที่, ข้อมูลการเดินเรือ, พิกัดต่างๆ ฯลฯ
- คนทั้งหมดบนยานได้รับเศษเสี้ยวของข้อมูลบางอย่างแล่นเข้าหัวโดยตรงในรูปแบบของความรู้สึกมากมาย ทั้งยินดี ทั้งหวาดกลัว ทั้งโกรธเกรี้ยว หรือแม้แต่อารมณ์บางอย่างที่มนุษย์น่าจะไม่เคยประสบ รวมทั้ง "ความทรงจำ" ของใครหรืออะไรบางอย่าง
- โมโนลิธของอาฮับเริ่มเปล่งแสงในจังหวะที่ synchronize กับโมโนลิธหลัก
- เมื่อทุกอย่างสิ้นสุด ผลึกสีแดงกระพริบเชื่องช้า ราวกับไฟประภาคาร
- ที่หน้าจอแสดงผล ปรากฏข้อความขึ้นเหมือนช่องแชต "มนุษย์? ยังไม่เลิกราอีกรึ"
Franchetti รู้สึกถึงอารมณ์มากมายที่ถาโถมเขาเข้ามาแต่เมื่อมีการสื่อสารมาเขาก็ตั้งสติ “Leviathan? ใครเป็นคนที่ส่งข้อมูลนี้กัน AI? Spaceborn? Earthborn?” ความสงสัยเป็นสิ่งที่เด่นชัดที่สุดในอารมณ์ตอนนี้ของ Franchetti และเขาอยากรู้คำตอบ เขาพยามเช็คข้อมูลเทียบแหล่งที่มาที่ไปว่าเจ้านี่เป็นใครกัน?
Guillermo ที่ได้รับข้อมูลมากมายเข้าสู่สมองโดยตรงก็วิงเวียนศีรษะและกำลังอาเจียนอยู่ที่มุมห้อง โชคยังดีที่ยานบีแบพมีแรงโน้มถ่วงจำลอง มิเช่นนั้นอาเจียนของเขาคงลอยว่อนไปทั่วคงเป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าพิศมัย "มันเกิดอะไรขึ้น . . ." เขาพยายามเค้นเสียงออกมาถามไถ่คนรอบข้าง
เหล่าลูกเรือพยายามตั้งสติ ค่อยๆประมวลภาพความทรงจำ ความทรงจำแรกคือ คุณพุ่งเข้าหายานล่าวาฬลำหนึ่งและบดขยี้ยานลำนั้นด้วยการฟาดหางเข้ากลางลำตัว หลังจากนั้นความทรงจำตัดไปเป็นภาพบนยาน คุณกำลังประมวลคำสั่งการของกัปตันยาน และทำการป้อนคำสั่งนั้นเข้าไปร่วมกันกับเนวิเกเตอร์คนอื่น ดูเหมือนเป็นความทรงจำที่ปนเปกันระหว่างเหล่าเนวิเกเตอร์และ Leviathan ในยุคก่อน
แชตนั้นขึ้นข้อความมาอีกครั้ง
"อย่าตามหาพวกเรา"
"เราเคยเจอเจ้ามาก่อน"
“ที่เห็นนั่นมันอะไร ปวดหัว กระบอกตาเหมือนจะหลุดออก ทำไมบนเป็นล่าง แล้วล่างเป็นบน ทำไมเราถึงลอยอิสระในกาลอวกาศ” ความไม่เข้าใจเหล่านั้นเอาชนะ Franchetti เขาไม่รู้เรื่องราวของสิ่งที่เห็นของข้อความที่ถูกส่งมา Franchetti เลือกจะปิดระบบก่อนที่คนอื่นๆหรืออย่างน้อยตัวเขาเองจะรับไม่ไหวกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น “อะไรวะเนี่ย!!”
Dutch นั่งอยู่มุมห้อง มือข้างหนึ่งถือ Protein Bar ที่ยังแกะออกมาไม่หมด เขากำลังเคี้ยวอย่างสบายใจเมื่อความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้น เมื่อข้อมูลต่างๆ เข้ามาในหัวของเขาเป็นจำนวนมาก ด้วยความที่ Sensory Overlord ทำให้อ้วกไม่หยุด "นี่มันบ้าอะไรกัน!" Dutch พูด "นั้นมันเสียงใครกัน หยุดเถอะ หยุดสักที"
ระบบหยุดลง แท่งโมโนลิธหยุดทำงาน เหลือเพียงแสงไฟเรืองๆและข้อมูลมหาศาลเต็มฮาร์ดไดรฟ์ ซึ่งพอจะแบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้
- ข้อมูลการรับและส่งสัญญาณคลื่นพลังจิต ฟังก์ชันหลักในการตามหา Leviathan คล้ายเรดาร์ บอกตำแหน่งของLeviathanและสิ่งที่เกี่ยวข้องในระยะ Pulse
- ส่วนของปูมเดินเรือ, ข้อมูลลูกเรือ, บัญชีรายการสินค้าและเสบียง, ข้อมูลทางเทคนิคต่างๆบนยาย มีทั้งจากยานที่โมโนลิธติดตั้งอยู่และจากยานลำอื่นในละแวกใกล้เคียงด้วย
- ไฟล์ภาพ/เสียง/วิดิโอ มีทั้งจากหลายร้อยปีก่อน และจากช่วงที่เปิดใช้งานโมโนลิธเมื่อครู่
“โทษที ไม่นึกว่าของเก่าหลงยุคนี่จะมีของแรงขนาดนี้” Franchetti ขอโทษขอโพยเพื่อนพลางพยุงตัวเองไปนั่งพักที่เก้าอี้สักตัวก่อนจะจุดบุหรี่เพื่อให้กลิ่นควันช่วยบรรเทาอาการ ก่อนจะรู้ตัวว่าตนนั้นเหยียบอ้วกของใครสักคนไปเต็มๆ เขาทำหน้าเหยเก ไม่เหลือแรงจะทำความสะอาดรองเท้าตอนนี้ หลังจากพักอยู่ครู่ใหญ่เขาจึงเริ่มทำความสะอาดรองเท้าตัวเองและเริ่มเช็คสิ่งต่างๆในระยะ Pulse “นี่ Dutch ข้อมูลนี่น่าจะทำให้เดินทางในสุสานนี่ได้สะดวกขึ้น มีข้อมูลยานลำอื่นและสิ่งกีดขวางรวมถึงข้อมูลขยะ แต่ RIP คงพอจำแนกให้แกได้” Franchetti แจกแจงข้อมูลให้ Dutch ฟังก่อนจะไปนอนพักจริงๆจังๆที่ห้องพยาบาล
ส่วน Guillermo ที่พอตั้งสติได้ ก็ไปหยิบถังกับไม้ถูพื้นมาทำความสะอาดพื้นที่สกปรก
อาฮับยืนมองเหล่าลูกเรือที่อ้วกแตกกัน ส่วนเขากลับยืนนิ่งๆราวกับไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บริเวณหน้าอกและหน้าผากของอาฮับกลับมีแสงสีฟ้าระเรื่อออกมา ติดและดับเชื่องช้าเป็นจังหวะเดียวกันกับโมโนลิธทั้งสอง
"ผมแนะนำให้เรารีบออกไปจากบริเวณนี้โดยเร็ว ผมรับรู้ได้ว่าเราไม่ใช่กลุ่มเดียวที่รับ 'สัญญาณ' เมื่อครู่ได้"
Dutch ที่ไม่อยากจะอยู่ที่นี้นานตั้งแต่แรกก็พยุงตัวขึ้นมาก่อนจะค่อยๆเดินไป ที่ Cockpit และใช้พละกำลังที่เหลืออยู่ ขับยานออกไปจากที่นี้
ยังไม่ทันขาดคำ หน้าจอเรดาร์กระพริบถี่ จับสัญญาณของบางสิ่งที่ใหญ่มากกำลังเคลื่อนที่เข้าหา Dutch ที่กำลังเช็คยานพอเห็นสัญญาณเตือนจากเรดาร์ก็ตัดสินใจเร่งเครื่องเพื่อหนีออกจากที่นี้
"มีตัวบ้าอะไรก็ไม่รู้ตามตูดยานเราอยู่ จับกันเอาไว้ให้แน่นๆ " เขาตะโกนพร้อมกับดันคันเร่งไปหน้าสุด
"ให้เร็วเลย! เดี๋ยวฉันจะเปิด Life sensor ยิงไปด้านหลังจะได้รู้ว่าอะไรตามหลังพวกเรามา" Guillermo พูดก่อนจะจัดการกับระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตของยานให้มุ่งตรวจสอบไปยังด้านหลังของยานที่มีอะไรบางอย่างไล่ตามท้ายยานมา
Franchetti ที่ร่วงจากเตียงห้องพยาบาลก็รีบรุดวิ่งมาตามเสียงโวยวาย “โอ้เวร Overclock ระบบเครื่องยนต์เลย Dutch ถ้าพังค่อยซ่อม หนีจากอะไรก็ตามที่มันตามพวกเรามาก่อน!!” กล่าวจบ Franchetti ก็ได้แต่คาดหวังว่างานคราวนี้จะไม่ใช่ครั้งงานสุดท้าย
Life sensor ตรวจพบบางสิ่งที่ประกอบจากชีวมวล เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วรูปร่างคล้ายโครงกระดูกวาฬ ระหว่างนั้นโมโนลิธก็กระพริบคล้ายรหัสมอร์ส หน้าจอที่เชื่อมต่อขึ้นข้อความ เหมือนมีคนกำลังพยายามแชตคุยกับพวกคุณ
Franchetti เห็นแจ้งเตือนขึ้นที่นาฬิกาซึ่งเชื่อมระบบการแจ้งเตือนกับตัวยานบีแบพเขาจึงเดินไปนั่งเก้าอี้รัดเข็มขัดก่อนจะเริ่มเช็คข้อความที่ถูกส่งมา
ห ยุด ตา ม ห า พวก ข้ าอ า ฮับ แ ก ยัง ไม่ ต าย
A BO MI N A T I ON
ขมับอาฮับกระพริบเป็นรหัส เป็นข้อความตอบกลับไป
ข้ า จะล้ า ง บา ง พ ว ก แก ให้ ห ม ด จั กร วา ล ต่อ ให้ เป็ น อว ก า ศ ห้ ว ง ลึก ก็ อ ย่าหวั ง ว่ า จะ รอ ด
"อะไรวะอาฮับ ไปยั่วโมโหทำไมเล่า!!!" Franchetti รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป "พวกเราไม่คิดจะล่าพวกเจ้าเลย พวกเราแค่ผ่านทางนี้เดี๋ยวเราก็จากไป พวกเจ้าไม่ล่าพวกเราพวกเราก็ไม่ล่าพวกเจ้า" ก่อนจะไปเช็คเครื่องสลาย L.P. Field "ไอ้เจ้านี่ใช้ทำไรนะ? ใช้ไล่พวก Leviathan ไปได้รึเปล่า?"
"เมื่อก่อนใช้มันเพื่อเคลือบฉมวก จะได้เจาะทะลุสนามพลังได้น่ะ มันสามารถทำให้สนามพลังเป็นกลางได้ชั่วขณะหนึ่ง คล้ายๆกับนิยายเรื่องนั้นน่ะ ที่ต้องทำให้สนามพลังของเทวทูตเป็นกลาง"
"คุณอาฮับซากLeviathanที่กำลังไล่ล่าเรานั่นมันอะไรกัน แล้วทำไมมันถึงรู้จักคุณ คุณคือใครกันแน่แล้วจุดประสงค์ของคุณคืออะไร!" Guillermo ตะโกนถามด้วยความเดือดดาล
ส่วน Dutch พยายาม เตรียม Warp Drive เพื่อทำการ Jump หนีออกจากที่นี่
"ผมคือกัปตันเรือล่าวาฬ เมื่อหลายร้อยปีก่อนเรือของผมต่อสู้กับพวก Leviathan ในศึกสุดท้ายก่อนที่พวกมันจะหนีเข้าไปในอวกาศห้วงลึก นำโดยตัวจ่าฝูงที่ผมเรียกมันว่า โมบี้ดิ๊ก ซึ่งเป็นตัวที่มีพลังจิตแข็งแกร่งที่สุด เรือของผมเสียหายจนไม่สามารถตามพวกมันไปได้ ส่วนผมก็ร่อแร่ปางตาย แต่ผมใช้อวัยวะของพวก Leviathan ฝังเข้าไปในร่างกายเพื่อต่อชีวิต โดยไม่รู้ว่ามันเป็นคำสาปให้ผมต้องอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ผมจึงออกตามล่าโมบี้ดิ๊กเพื่อที่ผมจะได้ไปสู่สุคติสักที การเดินทางครั้งนี้คือการเดินทางเอาโมโนลิธตัวใหม่ไปติดตั้งที่เรือล่าวาฬที่ Orion's Rest ก่อนที่ผมจะออกตามล่าเจ้าโมบี้ดิ๊ก ส่วนเจ้าโครงกระดูกนั่น มันคงเป็นกระดู Leviathan สักตัวที่ยังพอรับสัญญาณจากโมบี้ดิ๊กได้ ตอนนี้โมบี้ดิ๊กใช้มันเป็นหุ่นเชิดเพื่อไล่ล่าเรา" อาฮับเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับความเป็นมนุษย์บางส่วนได้หายไป
"งั้นคุณก็คือตัวการที่มันไล่ล่าเราสินะ ผ่านมาหลายศตวรรษแล้วยังไม่เลิกแล้วต่อกันอีกงั้นเหรอ คุณคิดจะล่าเหล่าLeviathanไปถึงอีกเมื่อไหร่กัน ยุคสมัยของคุณ ยุคสมัยของการล่า Leviathan น่ะมันจบไปนานแล้ว!" Guillermo ยังคงตะโกนใส่อาฮับ นายจ้างผู้นำพาความซวยในครั้งนี้มา
"ผมไม่ได้คิดจะให้มันมาตามล่าพวกคุณเสียหน่อย แต่ผิดแผนนิดหน่อยตอนที่ส่ง Pulse พลังจิตออกไป ไม่นึกว่าพอใช้ AI แทนเนวิเกเตอร์มันจะส่งไปได้ไกลขนาดนั้น" อาฮับบ่นพึมพำ
"ขอแค่จัดการเจ้าโมบี้ดิ๊กได้ ผมก็พร้อมจะลงหลุมไปพร้อมกับมัน มันคือความแค้นเดียวที่ผมหลงเหลือ มันคือจุดหมายเดียวที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม เอาล่ะ ตอนนี้พาเราออกไปจากที่นี่ พาผมไปส่งที่ Orion's Rest ใช้ยานของผมกำจัดมัน หลังจากนั้น นอกจากโมโนลิธแล้วพวกคุณเอาไปได้ทุกอย่างเลย รวมทั้งเจ้ากระดูกนั่นด้วย มูลค่าของโครงกระดูกนี้มากพอจะทำให้พวกคุณไม่ต้องทำงานไปอีกหลายปีเลยทีเดียว"
"ต่อเครื่องสลาย L.P. Field เข้ากับเครื่องยนต์แล้วใส่ไขมันLeviathanลงไป ละอองไขมันจะถูกยิงออกไปพร้อมกับสนามพลังพิเศษ มันจะช่วยรบกวนไม่ให้เจ้ากระดูกนั่นตามเราเจอไวเกินไป" อาฮับเริ่มสั่งการ
ระหว่างฟัง Dutch ก็เร่งเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องเพื่อหนีออกไปจากตรงนี้
"ต่อตรงนี้แล้วก็ตรงนี้ ไขมันต่อท่อนี่" Franchetti วางแผนการต่อ L.P. Field เสร็จก็ดำเนินการต่อและยิงละอองไขมันเพื่อรบกวนกระดูกยักษ์นั่นก่อนจะสายไป "Newton ช่วยลูกด้วยลูกจะถวาย Apple ไปให้แน่นอน"
เครื่องสลาย L.P. Field ทำงาน ละอองไขมันถูกปล่อยออกไปด้านท้ายยานเป็นม่านสีฟ้า บดบังบีแบพจากคลื่นพลังจิตของโครงกระดูกวาฬอวกาศ
Franchetti หลังจากเห็นว่า L.P Field ใช้การได้ผลเป็นอย่างดีแต่วาฬ ยักษ์นั่นก็ยังคงตามมาไม่เลิกเขาเลยได้ Idea
"จบงานนี้บีแบพพักยาวแน่" Franchetti พูดกับตัวเอง เขานึกออกว่า Pulse เมื่อไม่นานมานี้มันระบุตำแหน่งของทุกอย่างในระยะนั่น "ไปแถวซากยาน Dutch เราจะระเบิดซากยานที่เจอที่ Area 3A7-C2 เพื่อให้แรงระเบิดพังร่างเจ้ากระดูกนี่ ให้มันเสียสมดุลการเคลื่อนที่ในสุญญากาศ" Franchetti ตะโกนบอก Idea ของตนเอง
"คิดดีกันแล้วใช่ไหม ถ้าใช่ก็เอาเลยผมเชื่อใจฝีมือของพวกคุณทั้งสองคน" Guillermo ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
ทุกคนเริ่มปฏิบัติตามแผน แต่ดูเหมือนว่าในทะเลขยะที่ทุกอย่างดูสับสนไปหมด รวมกับสภาวะกดดัน แม้การระเบิดจะประสบความสำเร็จจนทำให้โครงกระดูกเสียหายไปส่วนหนึ่ง เว้นระยะห่างกับบีแบพไปได้มากขึ้น แต่แรงระเบิดและเศษซากยานได้สร้างความเสียหายให้เครื่องยนต์ของบีแบพ แม้จะไม่หนักหนาแต่ก็ทำให้การ Overclock เพียงพอส่งพวกเขาถึงขอบทางออกของ Leviathan Crossing เท่านั้น
"Fuck เราเสีย Overclock ไปตอนนี้ ทำได้แค่ความเร็วปกติ แล้วเท่านั้น ไม่รู้ไอ้กระดูกเส็งเคร็งพวกนั้นมันจะตามมาทันอีกหรือเปล่า Franchetti เอ็งพอจะซ่อมได้มั้ยว่ะ" Dutch สบถเมื่อเห็นอัตราเร่งของยานค่อยๆลดลง
"ขอตรวจสอบก่อน แต่จากสภาพการที่มองคร่าวๆคิดว่าถ้าไม่จอดยานก็คงยาก ระบบ Overclock เสียหายนี่มันลำบากซะจริง" Franchetti ทำหน้ากังวล พยายามคิดหนักก่อนจะมองไปทาง Doctor และอาฮับ "ไม่เป็นไรใช่ไหม ถ้าไม่เราจะซ่อมเครื่องแบบเร่งด่วนกัน เอาเครื่องยนต์ที่ Dutch ขนมานั่นมาติดตั้งแบบเร่งด่วนเหมือนต่อท่อช่วยหายใจคนไข้น่ะหมอ"
"จากการคำนวณของผม ถ้าเราไม่ overclock เรามีโอกาสโดนไล่ตามทันถึง 70% แต่ถ้าเราทำ แรงส่งจากเครื่องยนต์จะสามารถพาเราไปถึงยานของผมที่ Orion's rest ได้ภายในวาร์ปเดียว แต่ก็มีโอกาสที่เครื่องจะระเบิด" อาฮับกล่าว
"ผมมีข้อเสนอ ตอนนี้สภาพของผมไม่ต่างจากเนวิเกเตอร์เท่าไหร่ ผมสามารถใช้สนามพลังจิตของโมโนลิธในระยะจำกัดเพื่อควบคุมสเถียรภาพของเครื่องได้ แต่ปัญหาคือร่างกายและสมองของผมต้องรับภาระหนักเกินไป จำเป็นต้องได้รับการพยุงชีพเมื่อจำเป็น ไม่อย่างนั้นผมอาจต้องนอนเป็นผักไปสักระยะ ถ้าเราไปถึงยานของผมได้โดยที่ไม่ระเบิด ผมจะสามารถเชื่อมต่อกับยานตัวเองเพื่อให้เราใช้ Hades Lance ที่ติดตั้งยิงทำลายมันได้ ถ้าผมเป็นผัก พวกคุณต้องเอาผมไปต่อกับยานให้ทันเวลา ส่วนตอนนี้ซ่อมเครื่องให้ทันก่อน!"
Guillermo หยิบปืนยาสลบมายิงใส่อาฮับก่อนจะรีบหันไปสั่งการเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน
"หุบปากแล้วตั้งใจฟังให้ดีทุกๆท่าน ตอนนี้เรามีเพียงโอกาสเดียวและโอกาสเดียวเท่านั้น คุณ Franchetti เข้าใจถูกตั้งแต่ต้นแล้วว่ายานยนต์ไม่สามารถที่จะซ่อมได้หากเราไม่จอด นี่มันยานอวกาศไม่ใช่ร่างกายมนุษย์ที่จะผ่าตัดรักษาได้แม้หัวใจจะยังทำงานอยู่ จะซ่อมเครื่องยนต์ที่เหมือนหัวใจของยานก็ต้องดับมันซะก่อนและนั่นคือสิ่งที่เราจะทำ Dutch ผมขอให้คุณรีบขับด้วยความเร็วสูงสุดที่ทำได้ไปหลังก้อนหินโสโครกขนาดใหญ่หรือหมู่ขยะดาวอุกกาบาตใกล้เคียงซะแล้วรีบดับเครื่อง ส่วน Franchetti คุณรีบเอาโมโนลิธอันที่ขโมยมาจากยานร้างนั่นต่อเข้ากับเครื่องส่งสัญญาณพกพาแล้วเอาไปยัดกระสวยฉุกเฉิน แล้วยิงมันออกไปให้ไกลจากยานของเราซะ เจ้า Leviathan ตัวนี้มันมองไม่เห็น ก็แหงสิมีแต่กระดูกมันไม่มีลูกตาด้วยซ้ำ ถ้าใช้เหตุและผลแล้วละก็ทางเดียวที่มันรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนตลอดเวลานั่นก็เพราะเจ้าอาฮับมันปล่อยสัญญาณกระพริบๆจากกระหม่อมของมันไม่หยุดหย่อน แต่ตอนนี้ผมทำให้เขาหลับไปแล้วเพราะฉะนั้นเราจะแสร้งว่าอาฮับขึ้นกระสวยฉุกเฉินหนีเอาตัวรอดออกไป นี่คือการเดิมพันผมคิดว่าเจ้า Leviathan โมบี้ดิกส์นั่นมันก็แค้นอาฮับไม่ต่างจากที่อาฮับแค้นมัน ดังนั้นหากมันคิดว่าอาฮับกำลังหนีไปละก็มันคงเมินเราที่กำลังซ่อนอยู่แล้วตามกระสวยฉุกเฉินที่เราเอาโมโนลิธยัดเอาไว้พร้อมเครื่องส่งสัญญาณแทน จังหวะนั้นแหละก่อนที่มันจะรู้ตัวว่าถูกหลอกคุณ Franchetti จะต้องซ่อมเครื่องยนต์ให้เสร็จเราจะได้ Overclockออกไปจากที่นี่ เข้าใจรึเปล่าทั้งสองคน!"
"เข้าใจแล้วหมอ" Franchetti พยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปจัดการยานเตรียมกระสวยใส่ Monolith เมื่อ Dutch ขับยานไปหลบในจุดตามที่วางแผนไว้ Franchetti ก็ยิงกระสวยแล้วใช้โอกาสนั้นรีบซ่อมเครื่องยนต์อย่างรวดเร็วและลดขั้นตอนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อเวลาผ่านไปเหงื่อหลายหยดผุดออกมาให้เห็นชัดบนใบหน้าของ Franchetti แล้วเครื่องยนต์นิ่งสนิทก็มีเสียงกลับมาทำงานอีกครั้ง
"ได้แล้ว!!!! ยานกลับมา Overclock ได้แล้ว!!! Dutch แกเหยียบมิดไป Orion's rest ได้เลย!!!" Franchetti จัดการเครื่องยนต์เสร็จทันเวลาก่อนที่จ้ากระดูกวาฬจะทันรู้เรื่องที่มันโดนต้มเป็นเล้งอาหารของพวก Earthborn
เครื่องยนต์ร้องคำรามลั่น บีแบพพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ภาพเบื้องหลังคือกระดูกวาฬอวกาศกำลังไล่ตามกระสวยฉุกเฉินไป แน่นอนว่าด้วยความเร็วของกระสวยฉุกเฉินคงไปได้ไม่ไกลนักแต่เวลาก็เพียงพอที่จะให้บีแบพหนีออกไปจาก Leviathan Crossing ได้สำเร็จ เมื่อพวกเขาออกมาพ้นอาณาเขตแล้วพวกเขาก็พบดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก มันคือ Orion's Rest! เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งที่หน้าจอแสดงผลการสแกนผิวดาวของบีแบพก็ระบุตำแหน่งส่งของที่กัปตันอาฮับให้มาอย่างชัดเจน แค่เพียงลงไปจอดภารกิจก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่ยังไม่ทันจะได้ฉลองชัยชนะ ทั้งสามคนก็สัมผัสได้ถึง Pulse พลังจิตที่กระจายออกมา และในไม่กี่อึดใจก็ปรากฏตำแหน่งของกระดูกวาฬยักษ์ที่หน้าจอเรดาร์ของบีแบพ ดูเหมือนมันจะรู้ตัวแล้ว
อาฮับสะลึมสะลือ ดูเหมือนอวัยวะวาฬจะทำให้ประสาทของเขาแข็งขึ้นกว่าคนปกติ แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้เขาต้านทานยาสลบได้ "รีบไป เอาโมโนลิธกับตัวผมไปต่อกับยานที่พิกัดส่งของ!" เขาเค้นเสียงพูดก่อนที่ขมับจะเปล่งแสงออกมาก่อนที่เขาจะสลบไป ซึ่งหลังการเปล่งแสงนั้นวิธีการติดตั้งโมโนลิธและเนวิเกเตอร์เข้ากับยานก็เข้าสู่สมองของลูกเรือบีแบพโดยตรง
ลูกเรือบีแบพต้องนำโมโนลิธไปต่อกับพอร์ตบนสะพานเดินเรือ หลังจากนั้นนำอาฮับเชื่อมต่อเข้ากับโมโนลิธผ่านอุปกรณ์ภายในเครื่องเหมือนกับที่เจอบนยานร้าง ยานนี้มี AI ที่รอการ Activate อยู่ ซึ่งมันจะเรียนรู้จากการเชื่อมต่อกับอาฮับและทำหน้าที่แทนเนวิเกเตอร์ที่เหลือ ระหว่างนั้นยานจะทำได้แค่ควบคุมระบบบางอย่าง ในกรณีนี้คือ Hades Lance
บีแบพลงไปที่พื้นดาวเรียบร้อย Orion's rest เป็นดาวทะเลทรายที่รกร้าง หลังจากบินผ่านหุบเขาก็ไปเจออู่จอดยานที่ซ่อนอยู่ ที่นั่นมียานล่าวาฬลำหนึ่งจอดอยู่ ขนาดเล็กกว่าที่พวกเขาขึ้นไปตรวจสอบก่อนหน้าแต่มีเทคโนโลยีล้ำยุคกว่า ที่สะพานเดินเรือมีช่องให้ใส่โมโนลิธเข้าไปจากภายนอก Dutch รีบสั่งการ Drone ให้ขน Monolith มายังสะพานเดินเรือ เมื่อมันมาถึงเขาก็ได้เอา Monolith ทำการเชื่อมต่อเข้ากับ ระบบกลางของเรือ
ในขณะเดียวกัน บนท้องฟ้า โครงกระดูกวาฬยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ ตอนนี้ลูกเรือบีแบพต้องเอาอาฮับไปเชื่อมต่อเข้ากับโมโนลิธตามข้อมูลสุดท้ายที่ทุกคนได้รับก่อนที่อาฮับจะหมดสติไป สถานการณ์บีบคั้นจนถึงที่สุด มันคือการทำงานที่เดิมพันด้วยชีวิต
ราวกับว่าทุกคนได้ใช้อะดรีนาลินทั้งหมดของวันนี้ภายในภารกิจนี้ภารกิจเดียว ทันทีที่ทุกคนออกจากบีแบพเข้าไปในยานล่าวาฬ Guillermo ให้ medbot แบกอาฮับไปนั่งเก้าอี้เนวิเกเตอร์และทำการตั้งค่าการเชื่อมต่อทันที ด้วยทักษะที่สั่งสมมาในฐานะแพทย์ประจำยาน เขาสามารถทำให้การเชื่อมต่อสำเร็จและเปิดการใช้งานของระบบต่างๆบนยานได้แทบจะในทันที
เมื่อระบบทำงาน Franchetti รีบเดินเครื่องเพื่อถ่ายพลังงานให้ Hades Lance ทันที เขาบายพาสระบบที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ในเวลานี้บางอย่างเพื่อให้การชาร์จอาวุธเร็วขึ้น ตอนนี้ฉมวกถูกบรรจุลงราง กระแสไฟฟ้าถูกถ่ายเข้าสู่อาวุธ Anti- L.P. Field เริ่มทำงาน สร้างสนามพลังจิตบางๆเคลือบฉมวกเอาไว้ นอกจากนี้เขายังตั้งค่าเครื่องยนต์ให้ขับเคลื่อนยานได้เล็กน้อยเพื่อให้ Dutch สามารถขยับยานระหว่างเล็งยิงเพื่อชดเชยความคลาดเคลื่อนจากการหมุนตัวของดาวเคราะห์และการรบกวนจากสนามแม่เหล็ก
เมื่อทุกอย่างเข้าที่ Dutch ก็เข้าประจำป้อมปืน ระบการเล็งของปืนล่าวาฬนั้นยอดเยี่ยมกว่ายานไหนที่เขาเคยขับ เขารีบควบคุมยานและปรับองศาการยิงและยิงออกไปทันทีที่ระบบยืนยันการล็อคเป้าหมาย
เกิดแสงสีฟ้าวาบปนกับประกายไฟฟ้า ฉมวกยักษ์อาบสนามพลังจิตพุ่งออกจากปากกระบอกด้วยความเร็วสูงจนเห็นเป็นเพียงเส้นแสงสีเงินยวง แสงสีเงินนั้นพุ่งเข้ากลางกะโหลกของโครงกระดูกวาฬที่บินตามมาเต็มๆ พลังทำลายของฉมวกก่อให้เกิดโซนิคบูมซ้ำ ระเบิดโครงกระดูกแตกออกเป็นเสี่ยง ไฟสีฟ้าที่เบ้ากะโหลกดับลง โครงกระดูกร่วงหล่นลงราวกับหุ่นเชิดถูกตัดเชือกออก โครงกระดูกตกกระทบพื้นทราย เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดย่อม ฝุ่นทรายถูกพัดคลุ้งจนบดบังทัศนวิสัยเสียสิ้น เมื่อฝุ่นทรายสงบลงก็เห็นเพียงโครงกระดูกกระจัดกระจายอยู่ทั่วผืนทราย
บนยานล่าวาฬ แสงไฟจากโมโนลิธแผ่วลงจนเหลือเพียงแสงสีฟ้าเรืองๆ
"ฮ่าๆๆๆๆๆ ตายไปอีกรอบซะไอ้ปลาเฮงซวย" Dutch ชูมือขึ้นด้วยความดีใจก่อนจะรีบติดต่อหาคนอื่นเพื่อเช็คว่ามีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่
Franchetti หลังจากได้เห็นภาพตรงหน้าก็อึ้งไปนาน กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปราวนาทีเขารีบตอบกลับ “ปลอดภัยดี พ่อนักแม่นปืน ฮ่าๆๆๆ งานครั้งนี้นี่มันโคตรบ้าเลย ทางหมอล่ะ? เป็นไงบ้างลูกค้าเราคงไม่ได้นอนน้ำลายฟูมปากอยู่นะ?”
"อย่าเพิ่งตายนะกัปตัน ตื่นมาดูผลงานของคุณให้เห็นกับตาสิ" Guillermo รีบถอดอาฮับออกจากโมโนลิธและภาวนาว่ามันจะยังไม่สายเกินไป
อาฮับใช้เวลาสักพักหนึ่งจึงได้สติคืนมา ต้องขอบคุณฝีมือของ Guillermo ที่เชื่อมต่อได้ราบรื่นจนไม่กระทบกระเทือนระบบประสาท "เราทำสำเร็จหรือเปล่าหมอ?"
"อา มันจบแล้วละ... การล่าข้ามศตวรรษของคุณ"
"ระดับพวกเรามันต้องสำเร็จอยู่แล้ว" Dutch คุยโว
"ขอบคุณพวกคุณจริงๆ ทำงานเกินค่าจ้างไปเยอะเลยคราวนี้" อาฮับพูดพลางลุกยืน "กระดูกนั่นคงต้องใช้เวลาเก็บกู้สักพัก ใช้ยานของผมเก็บกู้แล้วบรรทุกไปขายที่ Odyssey Gallery ที่อยู่ใกล้เขตการค้าอวกาศที่ 3 ก็ได้ ที่นั่นมีพวกนักวิจัยที่ต้องการกระดูกอยู่ ส่วนเรื่องล่า... ที่จริงมันก็ยังไม่จบเสียทีเดียว เจ้ากระดูกนั่นมันแค่หุ่นเชิดของโมบี้ดิ๊ก ตัวจริงของมันอยู่ในอวกาศห้วงลึก ผมระบุตำแหน่งของมันใส่โมโนลิธไปแล้ว เสร็จจากเรื่องเก็บกู้กระดูกผมคงได้ออกเดินทางอีกครั้ง"
"คิดไม่ผิดจริงๆที่จ้างพวกคุณ เดี๋ยวผมไปรีวิวไว้ใน Galaxy Net ให้ก็แล้วกันนะ" อาฮับกล่าวขึ้นระหว่างที่มองไปยังเหล่าลูกเรือของบีแบพ ราวกับต้องการประทับภาพนี้ลงไปในความทรงจำให้แน่นที่สุด
"เรื่องความแค้นระหว่างคุณกับเจ้าวาฬนั่นผมไม่อยากก้าวก่ายมาก แต่ถือว่าผมพูดลอยๆแล้วกันนะคุณอาฮับ เวรกรรมมันระงับด้วยการปล่อยวาง เรื่องของคุณนี่มันก็จะว่าไงดีวาฬนั่นก็หรือไปแล้วคุณเองก็ยังมีชีวิตอยู่นี่ผมว่าคุณใช้ชีวิตของคุณเถอะเอาแต่เวลาไปล่าวาฬนั่นเสียเวลาเปล่าๆ " Franchetti พูดไปพลางมองซากกระดูกยักษ์ที่คิดว่าในชีวิตนี้คงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้อีกง่ายๆ "น่าเหลือเชื่อจริงๆ"
“ถ้าเช่นงั้นก็ถือว่างานของพวกเราเสร็จสิ้นที่ตรงนี้ รบกวนคุณอาฮับช่วยเซ็นยืนยันการส่งเสร็จสิ้นและให้คะแนนความพึงพอใจบนแทบเล็ตเครื่องนี้ด้วย หากมีโอกาสหน้าอย่าลืมเรียกใช้งานเรา บีแบพยินดีให้บริการ" Guillermo พูดพลางยื่นแทบเล็ตให้อาฮับเซ็น
"5 ดาวไปเลย! ว่าแต่ พวกคุณสนใจล่าวาฬอวกาศด้วยมั้ย?"
“อย่าลืม Tips ด้วยนะคุณอาฮับ ฮ่าๆๆ" Franchetti แซวด้วยมุกของ 1 ในประเทศมหาอำนาจของดาวโลก
"ตอนนี้ผมว่าค่าจ้างที่ผมจ่ายน่าจะมูลค่าน้อยกว่ากระดูกนั่นเสียอีกนะ ฮ่าๆๆ ถือว่าค่าจ้างเป็น tip ละกันนะ ส่วนค่าจ้างจริงๆเอาจากเงินที่ขายกระดูกวาฬได้ก็แล้วกัน"
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น อาฮับได้ช่วยลูกเรือบีแบพเก็บซากกระดูกและบรรทุกไปขายยัง Odyssey Gallery มูลค่าของกระดูกนั้นแทบจะทำให้พวกเขาหยุดไปพักร้อนยาวๆได้ 3 เดือนแถมยังมีเงินเหลือ . หลังจากการขายกระดูเสร็จสิ้น อาฮับก็จากไปพร้อมเรือล่าวาฬลำใหม่ของเขา ไม่มีใครรู้ว่าสถกท้ายแล้วเขายังวนเวียนอยู่ในอวกาศแถบนี้หรือตะลุยเข้าไปในอวกาศส่วนลึกเพื่อตามล่าศัตรูคู่แค้นอย่างโมบี้ดิ๊ก ข้อมูลที่บีแบพได้มาจากการเดินทางผ่าน Leviathan Crossing นับเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการเดินอวกาศ เพราะข้อมูลนั้นถูกนำไปใช้ในการ train AI เพื่อคำนวณวิถีโคจรของขยะอวกาศในแถบนั้น ทำให้การเดินทางผ่านแถบนะนปลอดภัยยิ่งขึ้น
หลังจากการเดินทางอันยาวนานและเต็มไปด้วยการผจญภัย Dutch ได้ตัดสินใจกลับมายังดาวเคราะห์บ้านเกิดของเขา ดาวนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Celestial Haven ซึ่งเป็นที่ที่เขาเคยละทิ้งไปเมื่อเริ่มต้นอาชีพนักบิน การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่เป็นเพราะความโหยหาถึงบ้านเกิดที่ยังคงอยู่ในใจเสมอ Dutch ได้ตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือของเขาในกาแล็กซีเพื่อแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์แก่คนรุ่นใหม่ เพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจในรุ่นใหม่ที่จะออกสำรวจอวกาศในอนาคต
Comments
Post a Comment