Skip to main content

Featured

[Wrap Up + Replay] 2400 Inner System Blue : Missing Cyber Doc

หน้าปกเกม 2400 : Inner System Blues Introduction เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วหลังจากที่เราห่างหายการรัน TRPG ไปนานราวๆ 3 เดือน เราคิดว่าจะลองรันแบบ Play by Post หรือการ TRPG ผ่านทางการพิมพ์หรือการตั้งกระทู้ดู น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์หลังจากที่สถานการณ์โควิดดีขึ้นจนมีเวลาว่างไม่มากเท่าแต่ก่อน หลังจากทำการค้นข้อมูลสักพักจากเว็บบอร์ดต่างประเทศ รวมทั้งคลิป Youtube ที่แชร์ประสบการณ์การ Play by Post ทั้งที่ประสบความสำเร็จและที่ล้มเหลว เราก็ได้เลือกระบบเกมและร่างพล็อตของเกมขึ้นมา หลังจากนั้นจึงรับสมัครผู้เล่นใน Discord ของกลุ่ม Onion Knight Table  และเล่นกันในกลุ่ม เริ่มเล่นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ลากยาวมาจนจบในช่วงเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน

ทดลองเล่น Dungeons&Dragons Demo Episode 1 : มาสร้างตัวละครกันเถอะ!!

ขอขอบคุณภาพ Cover จาก http://dnd.wizards.com/articles/media-resources/wallpapers

หลังจากครั้งที่แล้วได้เขียนเรื่องของ Dungeons and Dragons ไปคร่าวๆพอสังเขปแล้ว ในคราวนี้เราจะมาลองเล่น Dungeons&Dragons กันโดยใช้ Basic Rule books ที่ให้ดาวน์โหลดฟรีจาก Official Website ของ D&D ที่เป็นคล้ายๆ Demo ของเกม Dungeons&Dragons โดยเราจะอ่านและทำความเข้าใจระบบต่างๆของเกมกันก่อนที่จะเริ่มเล่นใน EP ต่อๆไป โดย Basic Rule books ที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีมีด้วยกัน 2 เล่ม คือ Player’s Basic Rule version 0.3 และ Dungeon Master’s Basic Rules Version 0.5

เล่มแรกที่เรานำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้คือ Player’s Basic Rule version 0.3 ซึ่งในเล่มจะบอกว่าเกมนี้คืออะไร วิธีการเล่นแบบคร่าวๆเป็นอย่างไร หลังจากนั้นจะเจาะรายละเอียดเรื่องการสร้างตัวละครและระบบที่ใช้ในเกมเช่นระบบการเดินสำรวจ, ระบบต่อสู้, ระบบเวทย์มนต์ ฯลฯ โดยใน EP นี้เราจะพูดถึงการสร้างตัวละครก่อน หลังจากนั้นจึงจะค่อยๆเจาะระบบต่างๆไปทีละระบบ

***NOTE*** ควรเปิด Player’s Basic Rule version 0.3 ประกอบการอ่าน Blog นี้ด้วย

ดาวน์โหลด Basic Rule books ได้ ที่นี่
ดาวน์โหลด Character sheets ได้ ที่นี่
สามารถทอยลูกเต๋าแบบต่างๆ Online ได้ ที่นี่



การสร้างตัวละครในเกม

ก่อนจะเริ่มการผจญภัยในโลกของ Dungeons and Dragons เราจะต้องสร้างตัวละครของเราจากฐานข้อมูลที่มีใน Basic Rule book โดยเราจะสร้างตัวละครของเราด้วยสิ่งที่เรียกว่า Character sheets ดูตัวอย่างในรูปด้านล่างซึ่งเป็น Character Sheet หลัก (ตัวเต็มมี 3 หน้า อีกสองหน้าเป็นการบรรยายตัวละครของเราโดยละเอียดและ Spells ที่ตัวละครของเราสามารถใช้ได้)

Character Sheet แผ่นหลัก

เราจะลองสร้างตัวละครจาก Character Sheets นี้ทั้งหมด 4 ตัวละครเพื่อให้ครอบคลุมครบทุกอาชีพและเผ่าพันธุ์ โดยไล่ STEP ไปตาม Rule book โดยไม่ข้ามขั้นตอน โดยจะอธิบายระบบต่างๆผ่านการสร้างตัวละครไปในคราวเดียวกัน (Concept แบบ On the Job Training) โดยขั้นตอนการสร้างประกอบด้วย

STEP 1 : เลือกเผ่าพันธุ์ (Races) ของตัวละคร
STEP 2 : เลือกอาชีพ (Class) ของตัวละคร
STEP 3 : กำหนดค่าสถานะ (Ability score) ของตัวละคร
STEP 4 : กำหนดบุคลิกและภูมิหลัง (Personality and Background)
STEP 5 : เลือกอุปกรณ์ติดตัวตอนเริ่มเกม (Equipment)

เริ่มสร้างตัวละครในเกม

การสร้างตัวละครนั้นจะมีสองส่วน ส่วนที่เราต้องเลือกจากฐานข้อมูลซึ่งจะส่งผลต่อค่าสถานะเริ่มต้นและทักษะต่างๆของตัวละครและส่วนที่เลือกได้อิสระที่ไม่มีผลต่อความสามารถแต่ทำให้เกมมีอรรถรสมากขึ้น ในขั้นตอนนี้เราจะเริ่มจากส่วนที่ต้องเลือกจากฐานข้อมูลก่อนโดยใช้ Character Sheet แผ่นหลักตามรูปด้านบน โดยจะแต่งเรื่องราวของตัวละครไว้คร่าวๆเพื่อเป็นแนวทางว่าจะสร้างตัวละครไปในทิศทางไหน

D'Brian Vole 

D’Brian Vole เพศชาย เผ่าพันธุ์ Human อาชีพ Cleric ก่อนมาเป็น Cleric นั้นเขาเคยเป็นยอดขุนโจรมาก่อน ต่อมากลับตัวกลับใจมารับใช้ศาสนา 

STEP 1 : เลือกเผ่าพันธุ์ (Races) ของตัวละคร

แผนภาพเผ่าพันธุ์ที่มีให้ใน Demo 

D'Brian Vole เป็นเผ่าพันธุ์ Human สามารถดูรายละเอียดใน Rule book ว่าเผ่าพันธุ์นี้มีลักษณะอย่างไร โดยเราจะข้ามคำอธิบายและประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์ตรงไปยังส่วนที่ส่งผลต่อความสามารถของตัวละครเลย โดยข้อมูลที่ได้จากการเลือกเผ่าพันธุ์มีดังนี้

  1. Ability Score Increase : เพิ่มค่าสถานะทุกอย่างขึ้นอย่างละ 1 (จดเอาไว้ก่อน)
  2. Age : มนุษย์นั้นมีอายุน้อยกว่า 100 ปี D’Brain อายุ 42 ปี (จดเอาไว้ก่อน)
  3. Size : D’Brian เป็นชายร่างใหญ่ สูง 190 cm (จดเอาไว้ก่อน)
  4. Alignment : มนุษย์มีทั้งพวกที่นิสัยดีที่สุดไปจนถึงเลวที่สุดปะปนกัน (ไว้เลือกใน STEP 4)
  5. Speed : โดยพื้นฐานแล้วได้ 30 feet (จดลงใน Character Sheet)
  6. Language : นอกจากภาษากลางแล้ว ให้เลือกภาษาพิเศษเพิ่มเติมได้อีก 1 ภาษา เลือกและใส่ไว้ในหัวข้อ Other Proficiency&Language ผู้เขียนกำหนดให้ D’Brian พูดภาษาคนแคระได้อีกภาษา (บันทึกในช่อง Other Proficiencies&Language)

STEP 2 : เลือกอาชีพ (Class) ของตัวละคร

ผู้เขียนเลือกให้ D’Brian เป็น Cleric นักบวชและนักรบผู้รับใช้พระเจ้า เราจะเปิดไปดูรายละเอียดของ Cleric โดยข้ามส่วนของคำอธิบายและประวัติศาสตร์ไปเช่นเคย STEP นี้เป็น STEP ที่ยาวและปวดหัวที่สุด ค่อยๆไปทีละขั้นตอน จดค่าต่างๆลงใน Character sheet และ Note ตามคำแนะนำที่ให้ไว้
  1. Level หากไม่มีเหตุการณ์พิเศษ ให้เริ่มเกมที่ Level 1
  2. Hit point และ Hit Dice
    • Hit Point : หรือพลังชีวิต ถ้าค่านี้ลดลงเป็น 0 ตัวละครตัวนั้นจะตาย การคิด Hit Point ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
      • Hit Point at First Level : พลังชีวิตสูงสุดของ Level 1 = 8 + ค่า CON modifier ซึ่งจะกล่าวถึงใน STEP ถัดไปเมื่อกำหนดค่าสถานะเริ่มต้นเรียบร้อยแล้ว (เว้นว่างไว้ก่อนใน STEP นี้)
      • Hit Point at Higher Level : พลังชีวิตที่ได้เพิ่มเมื่อ Level Up = 1d8 (ค่าที่ได้จากการทอยเต๋า 8 หน้า 1 ครั้ง) + ค่า CON modifier ที่ Level ปัจจุบันที่เพิ่ง up ขึ้นมา หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือใช้ค่าเฉลี่ยของเต๋า 8 หน้าแทนการวัดดวงจากการทอย จะได้ว่า พลังชีวิตที่ได้เพิ่ม = 5 + ค่า CON modifier แล้วนำไปบวก Maximum Hit point เดิม 
    • Hit Dice : เป็นลูกเต๋าที่ใช้ในฟื้นพลังชีวิต สิ่งที่ผู้เล่นต้องรู้คือ จำนวนครั้งที่ใช้ Hit Dice ได้และประเภทของ Hit Dice สำหรับ Cleric Hit Dice = 1d8 คูณด้วย Cleric Level (1 หมายถึงจำนวนครั้งที่ทอย d8 หมายถึงลูกเต๋า 8 หน้า) ยกตัวอย่าง Cleric Level 8 จะมี Hit Dice = 8d8 แปลว่าสามารถทอยเต๋า 8 หน้าเพื่อฟื้นพลังชีวิตได้ 8 ครั้ง (จะอธิบายรายละเอียดเรื่องการฟื้นพลังชีวิตใน EP ต่อๆไป) (ใส่ 1d8 ในช่อง Total Hit Dice)
  3. Proficiency Bonus เป็น Bonus ความชำนาญ ค่านี้จะขึ้นกับ Level ของตัวละครเพียงอย่างเดียวตามตารางในรูป สำหรับตัวละคร Level 1 จะมีค่า Proficiency Bonus +2 (จดลงใน Character Sheet) ค่านี้จะนำไปบวกเพิ่มในทุกอย่างที่ตัวละครมีความชำนาญ ทั้ง Saving Throw, Skills และ พลังโจมตีของอาวุธ
  4. Proficiency ความชำนาญแบ่งตาม Class 
    • Armor : ชุดเกราะที่ Class นี้มีความชำนาญคือ Light Armors, Medium Armors และ Shields (บันทึกในช่อง Other Proficiencies&Language)
    • Weapons : อาวุธที่ Class นี้มีความชำนาญคือ Simple Weapon (รายละเอียดใน STEP 5)(บันทึกในช่อง Other Proficiencies&Language)
    • Tools : None : Cleric ไม่มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือใดๆ
    • Saving Throw : Wisdom, Charisma สองค่านี้ในช่อง Saving Throw จะได้ Proficiency Bonus เพิ่มจากค่า Modifier ปกติ (ทำเครื่องหมายถูกหน้า Wisdom และ Charisma ในช่อง Saving throw)
    • Skills : เลือกทักษะประจำ Class สองอย่างจากทักษะต่อไปนี้ History, Insight, Medicine, Persuasion, Religion (เลือกมาสองอย่างแล้วจดเอาไว้ก่อน) 
  5. Class Features ในแต่ละ Level Cleric จะมี Features ดังตาราง Features ด้านล่าง
  • Spell casting ความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ โดยจะเลือกมาแต่ Spells ก่อนแล้วจะอธิบายเรื่องระบบการใช้เวทย์มนต์ใน EP ต่อๆไป (บันทึกในช่อง Features and Traits)
    • Cantrips สามารถเลือกได้สามอย่าง ผู้เขียนเลือก Light, Sacred Flame, Spare the Dying (บันทึก Cantrips ไว้ใน Spell Record หรือ Note ของตัวเอง)
    • Preparing and casting Spells สามารถใช้เวทย์มนต์ของ Cleric ได้ โดยจำนวน Spell ที่เลือกได้จากตำรา Spell = Wisdom Modifier + Cleric Level = 2+1 = 3 Spells ผู้เขียนเลือก Shield of faith, Sanctuary, Guiding bolt (บันทึก Spell ไว้ใน Spell Record หรือ Note ของตัวเอง)
    • Spell casting ability (บันทึกไว้ใน Spell Record หรือ Note ของตัวเอง)
      • Spell save DC หรือค่าความยากในการหลบหลีก Spell = 8+ Proficiency Bonus + Wisdom Modifier = 8+2+2 = 12
      • Spell attack modifier หรือค่าความรุนแรงที่จะเสริมให้ Spell = Proficiency Bonus + Wisdom Modifier = 2+2 = 4
    • Ritual casting มีความสามารถในการร่าย Spell บางตัวแบบไม่เสีย Spell slot (บันทึกในช่อง Features and Traits)
    • Spell casting Focus ใช้ไอเทมชื่อว่า Holy Symbol ในการร่าย Spell บางตัว (บันทึกในช่อง Features and Traits)
  • Divine Domain : Life Domain  (บันทึกในช่อง Features and Traits)Demo มีให้เล่นแค่นี้ เมื่อเลือกความสามารถนี้ Cleric จะมี Features เพิ่มมาตาม Level ของ Cleric เอง สำหรับ Life Domain มี Features คือ 
    • Life Domain Spells : สามารถใช้ Spell เพิ่มเติมจากความสามารถ Spell casting ได้ โดยจะได้ Spell ใหม่ๆเมื่อ Level up สามารถดูรายชื่อ Spell ได้จากตารางใน Rule book สำหรับ level 1 จะได้ Spells ที่ชื่อว่า Bless และ Cure wounds  (บันทึก Spell ไว้ใน Spell Record หรือ Note ของตัวเอง) 
    • Bonus Proficiency : Heavy armor มีความชำนาญในการใช้ Heavy Armor  (บันทึกในช่อง Other Proficiencies&Language)
    • Disciple of life : Spell ฟื้นพลังชีวิตจะฟื้นพลังชีวิตเพิ่มได้ = 2+ level ของ Spell เช่นหากใช้ Cure wounds (level 1) จะฟื้นพลังชีวิตทั้งหมด = ผลของ Cure wounds + 3 (เป็น Bonus 2 แต้ม บวกกับ Level ของ Spells 1 แต้ม) (บันทึกในช่อง Features and Traits)

ตาราง Features และ Proficiency Bonus ของ Class Cleric

STEP 3 : กำหนดค่าสถานะ (Ability score) ของตัวละคร

ค่าสถานะของตัวละครในเกมนี้ประกอบด้วย
  1. Strength บ่งบอกพละกำลัง
  2. Dexterity บ่งบอกความว่องไว
  3. Constitution บ่งบอกความทนทานของร่างกาย
  4. Intelligence บ่งบอกการความสามารถในการใช้เหตุผลและการจดจำ
  5. Wisdom บ่งบอกถึงประสาทสัมผัสและการรับรู้
  6. Charisma บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของบุคลิกภาพ
โดยการกำหนดค่าต่างๆพวกนี้สามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีหลักๆที่นิยมใช้ก็คือ
  1. การใช้ลูกเต๋า โดยการทอยเต๋า 6 หน้า 4 ครั้ง (4d6) หลังจากนั้นเลือกค่าที่สูงที่สุดสามค่ามาบวกกันจะได้เป็นค่าสถานะพื้นฐานของเรา ทำจนครบทุกค่า วิธีนี้จะมีโอกาสลุ้นได้ตัวละครที่มีค่าสถานะสูง แต่ก็มีโอกาสพลาดได้ตัวละครที่มีค่าสถานะต่ำเช่นกัน
  2. การใช้ค่าสำเร็จรูป ให้ใช้ค่า 15, 14, 13, 12, 10, 8 ใส่ลงไปได้เลย วิธีนี้จะสามารถกระจายค่าสถานะไปยังส่วนที่เราต้องการและเหมาะสมกับอาชีพที่เราเลือก
และเมื่อกำหนดค่าเสร็จแล้วให้เพิ่มค่าจาก Race Bonus เข้าไปและ จดค่าลงใน Character Sheet หลังจากนั้นก็ดูค่า Modifier ตามตารางหรือคิดตามสูตร ค่า Modifier = (Ability Score - 10) แล้วหารด้วย 2 เศษปัดลง 

ตารางค่า Modifier

ผู้เขียนสร้าง D'Brian ด้วยวิธีการทอยลูกเต๋า ดูตารางสรุปค่าสถานะของ D'Brian ตามตารางด้านล่าง และเนื่องจากได้ค่า Modifier มาครบแล้วดังนั้นจึงสามารถกำหนด Maximum Hit Point ได้ตามวิธีคิดของ Class Cleric โดยค่า Hit Point ของ D'Brian = 8 - 1 = (นายตายง่ายมากเลยนะ D'Brian) ใส่ค่า Ability Score ใน Character Sheet โดยใส่ค่าสถานะด้านล่างและใส่ค่า Modifier ในช่องด้านบน

Ability ScoreBaseRace bonusTotalModifier
Strength13+114+2
Dexterity11+112+1
Constitution8+19-1
Intelligence13+114+2
Wisdom13+114+2
Charisma14+115+2


STEP 4 : กำหนดบุคลิกและภูมิหลัง (Personality and Background)

สำหรับการกำหนดบุคลิกและพื้นเพของตัวละครนั้น ตัวเกมแนะนำให้แต่งขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อให้ตัวละครของผู้เล่นแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน จะมีเพียงสองค่าเท่านั้นที่เราจะต้องเลือกเพื่อกำหนด Skills เพิ่มเติมและรับ Equipment เริ่มต้นเพิ่มเติม สองค่านั้นคือ Alignment และ Background

Alignment เป็นคล้ายๆพื้นฐานศีลธรรมของตัวละคร มีสามตัวเลือก แต่ละตัวเลือกมีสามระดับ โดยตัวเลือกที่มีคือ Good (คนดี) Neutral (คนกลางๆ เทาๆ ไม่ดีไม่เลว) และ Evil (คนชั่ว) โดยแต่ละตัวเลือกมีสามระดับคือ Lawful (อยู่ภายใต้กฏเกณฑน์) Neutral (ไม่ยึดกฏเกณฑน์) และ Chaotic (ปราศจากกฏเกณฑน์) 

Background เป็นเรื่องราวในอดีตหรือภูมิหลังของตัวละครว่าเคยทำอะไรมา โดยใน Demo นี้มี Background ให้เลือก 6 แบบคือ Acolyte, Criminal, Folk Hero, Noble, Sage และ Soldier

ผู้เขียนให้ D'Brian เป็นพวก Neutral และพื้นหลังเป็น Criminal เนื่องจากเขาผ่านทั้งความดีและความชั่วมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลือกจะวางเฉยระหว่างกลาง และเพราะเคยเป็นยอดขุนโจรมาก่อน เขาจึงไม่ค่อยอยู่ภายใต้กฏเกณฑน์สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้อิสระจนคิดว่าโลกนี้ไม่ต้องมีกฏเกณฑน์ใดๆเลย

Background : Criminal จะได้ความสามารถพิเศษและอุปกรณ์เพิ่มเติมดังนี้
  1. Skill Proficiencies : Deception, Stealth (จดเอาไว้ก่อน)
  2. Tools Proficiencies : One type of gaming set, Thieves' tools (บันทึกในช่อง Other Proficiencies&Language)
  3. Equipment : A Crowbar, a set of dark common clothes, Hood, ทอง 15 gp (บันทึกในช่อง Equipment)
  4. Features : Criminal Contact (อันนี้เขียนขึ้นมาเอง) มีเส้นสายในหมู่โจร ยิ่งเคยเป็นยอดขุนโจรมาก่อนยิ่งมีเส้นสายเยอะ (บันทึกในช่อง Features and Traits)

STEP 4.5 : เติม Skills ที่ (จดเอาไว้ก่อน) ลง Character Sheet

จาก STEP 1 - 4 หากจดทุกอย่างครบ เราจะได้ Character Sheet ใบหลักที่เกือบสมบูรณ์ ใน STEP นี้เราจะเติมในส่วนของ Saving Throws, Skills และ Passive Wisdom ให้ครบ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
  1. เลือก Skills ใน Character Sheet ตามที่เราได้มา
    • จาก Background 
      • Deception
      • Stealth
    • จาก Cleric Class (เลือกสอง Skills)
      • Insight
      • Persuasion
  2. ใส่ค่า Modifier จาก Ability Score ที่ช่องว่างข้างหน้า Skills และ Saving Throws ตามค่าสถานะที่ระบุเอาไว้ด้านหลัง
  3. ใน Skills และ Saving Throw ที่เราเลือกเอาไว้ ให้ + Proficiency Bonus เพิ่มเข้าไปอีก
  4. ค่า Passive Perception = 10 + ค่า Modifier ของ Skills ที่ชื่อว่า Perception จากช่อง Skills

Character Sheet ใบหลักที่ใส่ค่า Saving Throws, Skills และ Passive Wisdom ครบ


STEP 5 : เลือกอุปกรณ์ติดตัวตอนเริ่มเกม (Equipment)

ที่จริงบทนี้ใน Rule Book จะพูดถึงตั้งแต่เรื่องคุณสมบัติของอุปกรณ์ไปจนถึงระบบการค้าขายของเกมเลย แต่เนื่องจากเราตีกรอบความสนใจของเราให้ไปอยู่ที่การสร้างตัวละครเป็นหลัก ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำใน STEP นี้คือเลือกอุปกรณ์เริ่มต้นและมาดูกันว่าอุปกรณ์ที่เราติดตัวทำอะไรได้บ้าง โดยการเลือกอุปกรณ์เริ่มต้น ทำได้ 2 วิธี คือ
  1. เลือกจากอุปกรณ์เริ่มต้นประจำ Class ด้วยความขี้เกียจ ผู้เขียนเลยเลือกวิธีนี้
    • A Mace 
    • Leather Armor
    • Light Crossbow and 20 bolts
    • An Explorer's pack
    • A Shield
    • A Holy Symbol
  2. เอาเงินไปซื้อเอง โดยจำนวนเงินเริ่มต้นจะแบ่งตาม Class ทอยเต๋าแล้วไปซื้อของกันได้เลย
เงินเริ่มต้น หากไม่ต้องการ Starter set ก็หยิบเงินแล้วไปซื้อเองได้

ตอนนี้ D'Brian มีอุปกรณ์ดังตารางด้านล่างนี้ น้ำหนักรวม 95 lb เราสามารถตรวจสอบว่าเราแบกน้ำหนักเกินหรือไม่โดยการรวมน้ำหนักอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วนำไปเทียบกับน้ำหนักสูงสุดที่เราแบกได้ ซึ่งสามารถคำนวณได้โดย น้ำหนักสูงสุดที่แบกได้ = Strength*15 = 13*15 = 195 lb ดังนั้น D'Brian จึงแบกน้ำหนักไม่เกินน้ำหนักสูงสุดที่แบกไหว นำรายชื่ออุปกรณ์ไป เขียนลงในช่อง Equipment หรือจดแยกเอาไว้ใน Note ของตัวเอง

WeaponsWeightAttack/TypeProperties
A Mace4 lb1d6 bludgeoningN/A
Light Crossbow and 20 bolts5 lb1d8 piercingAmmunition (range 80/320), loading, two-handed
ArmorWeightArmor ClassStrengthStealth
Leather Armor10 lb12 (11 + Dex modifier)N/AN/A
A Shield6 lb+2N/AN/A
OtherWeightAmountDescription
A Holy Symbol3 lb1 setUse for Spell casting
A Crowbar5 lb1 eaUsing a crowbar grants advantage to Strength
checks where the crowbar’s leverage can be applied
A set of dark common clothes3 lb1 setCommon clothes
An Explorer's packWeightAmountDescription
Backpack5 lb1 eaCommon backpack
Bed roll7 lb1 eaUse for resting
Mess kit1 lb1 eaFor cooking and dining
Tinder box1 lb1 eaLighting any other fire takes 1 minute
Torches1 lb (Total 10 lb)10 eaA torch burns for 1 hour, providing bright light in a 20-foot radius and dim light for an additional 20 feet.If you make a melee attack with a burning torch and hit, it deals 1 fire damage
Rations2 lb (Total 20 lb)10 daysDried food
Water Skin (Full)5 lb1 eaSupply water
Hempen Rope 50 ft10 lb1 eaRope, whether made of hemp or silk, has 2 hit points and can be burst with a DC 17 Strength check

STEP 5.5 เติมเต็ม Character sheet ใบหลัก

หลังจากที่เราผ่านมาครบทุก STEP แล้ว ข้อมูลทุกอย่างมีพร้อมหมดแล้วที่จะเติมเต็ม Character Sheet ที่น่าปวดหัวของเราให้สมบูรณ์ จาก STEP 4.5 ส่วนที่เรายังไม่ได้เติมคือ Armor Class, Attack&Spell, Initiative, Inspiration และ Death saves เราจะมาอธิบายและกรอกทั้งหมดนี้ใน STEP นี้ 
  1. Armor Class ให้ดูและรวมค่า Armor Class จาก Equipment ทั้งหมดในหมวด Armor จาก STEP 5 D'Brian มี Leather Armor และ Shield มี Armor Class รวม 14 แต้ม (บันทึกลงใน Character Sheet ช่อง Armor Class)
  2. Attack&Spell (Weapon) จะเห็นว่ามีช่องอยู่สามช่องคือ Name, Attack Bonus และ Damage/Type (บันทึกรายละเอียดด้านล่างลงใน Character Sheet ช่อง Attack&Spell)
    • Name คือชื่อของอาวุธที่เรามี ในช่องนี้ผู้เขียนใส่ Mace, Light Crossbow 
    • Attack Bonus 
      • Melee weapons = Strength Modifier + Proficiency Bonus (ถ้าประเภทอาวุธถูกระบุอยู่ในช่อง Proficiencies&Language) = 2+2 = 4
      • Ranged weapons = Dexterity Modifier + Proficiency Bonus (ถ้าประเภทอาวุธถูกระบุอยู่ในช่อง Proficiencies&Language) = 1+2 = 3
    • Damage/Type จะถูกระบุในอาวุธแล้ว ในกรณีนี้คือ 
      • Mace : Damage = 1d6 Type = Bludgeoning 
      • Light Crossbow : Damage = 1d8 Type = Piercing
  3. Attack&Spell (Spells and Cantrips) ใส่แค่รายชื่อ Spells และ Cantrips ที่จดไว้ใน Spells record หรือ Note ส่วนตัวลงไป รายละเอียดการใช้งานและผลของ Spells ให้อ่านจาก Rule book 
  4. Initiative เป็นลำดับในการต่อสู้โดยคิดจากการทำ Dexterity Check (กล่าวถึงใน EP ต่อๆไป) ค่านี้เว้นว่างไว้ เพราะต้องใส่ใหม่เมื่อเริ่มต้นการต่อสู้
  5. Inspiration ส่วนนี้เหมือนเป็นรางวัล Bonus ที่คนคุมเกมจะให้ Player ในส่วนนี้ ให้เว้นว่างไว้ 
  6. Death Saves ไม่มีค่าที่ต้องใส่ ใช้เมื่อ Hit Point ลดลงเหลือ 0 เป็นการนับการทอยเต๋าเพื่อช่วยชีวิต สำเร็จ 3 ครั้ง รอด ล้มเหลว 3 ครั้ง ตาย รายละเอียดจะกล่าวถึงใน EP ต่อๆไป
เมื่อใส่ข้อมูลครบ เราก็จะได้ Character Sheet ใบหลักที่สมบูรณ์พร้อมเล่นเกมตามที่เห็นในรูปด้านล่าง

Character Sheet ใบหลักที่สมบูรณ์พร้อมเล่นเกม

คุยสรุปกันท้าย Episode

เป็นขั้นตอนการสร้างตัวละครที่ยากและนานมากแม้ทุกอย่างจะถูกบรรจุอยู่ใน Rule Book รอให้ไปเปิดอ่าน เรียกได้ว่าเป็นเกมที่มีรายละเอียดเยอะมากทั้งฐานข้อมูลและระบบ ผู้เขียนแนะนำว่าให้ลองปรึกษาและไปลองเล่นกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การเล่นมาในระดับหนึ่งดีกว่า จะทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้นกว่านี้มาก แต่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าการมานั่งอ่าน Basic Rule Books อย่างนี้ก็สนุกดี (ที่จริงคือชอบเสียด้วย) ได้เรียนรู้เกมพร้อมกับเรียนรู้ลักษณะสินค้าและช่องทางการเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆไปในคราวเดียวกัน

Episode นี้ขอหยุดเอาไว้เพียงแค่การกรอก Character Sheet ใบหลักก่อน ใน Episode ต่อๆไปผู้เขียนจะสร้างและแนะนำตัวละครทั้ง 4 ตัวที่จะร่วมเล่น Demo ไปพร้อมๆกันกับเราในครั้งนี้ รวมทั้งเรียนรู้ระบบต่างๆในเกมและเริ่ม Run Game หลังจากที่เรียนรู้ระบบของทางฝั่ง Dungeon Master เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แล้วพบกันใหม่ใน Episode ถัดไป ขอให้สนุกกับการเรียนรู้นะครับ

Comments

  1. ขอบคุณมากๆเลยครับ ทำให้ผู้เล่นใหม่ที่สนใจ เข้าใจ D&Dได้ง่ายขึ้น

    ReplyDelete

Post a Comment