Skip to main content

Featured

[Replay] [Play by Posts] 2400 Cosmic Highway : The Delivery EP 3

  โครงกระดูก Leviathan ที่ยังหลงเหลืออยู่ใน Leviathan Crossing Link to Replay Part 1 Link to Replay Part 2 Replay Part 3 ในขณะที่ Dutch กับ Guillermo กำลังคุยกันเรื่องมัมมี่ Franchetti ที่ทิ้งวิชาชีวะวิทยาไปตั้งแต่ 9 ขวบได้เตรียมการต่อ Monolith เข้ากับ AI จำลองของบีแบพแล้ว “ที่เหลือก็แค่ Launch แล้วอยากมาดูด้วยกันรึเปล่า?” Franchetti เรียกเพื่อนๆมาดูโชว์ DEUS EX MACHINA "นี่คงไม่ได้ต่อเข้ากับ AI ที่เป็น Copilot ของยานใช่ไหม? หวังว่าจะใช้ Server ส่วนตัวมาทดสอบนะ จะได้ปิดสวิตช์มันได้ถ้ามีอะไรผิดพลาด" "Fran มันไม่น่าโง่ขนาดนั้นมั้ง Doc" "ได้ยินนะเฟ้ย AI ยานก็ AI ยานไม่ยุ่งอยู่แล้ว นี่ของจำลองเหมือนเอาวัวที่เราดูดจาก E-69 ไปปล่อยที่ดาวเคราะห์ Rule-31 ไง เข้าใจคร่าวๆไหม?" Franchetti อธิบายพลางทำไม้ทำมือประกอบ "ถ้าคุณพร้อมก็เริ่มการทำงานของมันได้เลย ผมเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน" Guillermo ชูมือให้สัญญาณ Franchetti เริ่มทำการ Launch เชื่อม Monolith ที่ได้มาใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้จะแสดงอะไรออกมาให้เห็น ส่วน Dutch ยืนเคี้ยว Protei...

Bullet Journal Method : Ryder Carroll

"โดยแก่นแล้วมันควรจะเป็นเช่นนั้น ควรเป็นการ Practice เพื่อหา Insight จากประสบการณ์ตรงของตัวเองมากกว่าที่จะอ่านรวดเดียวเพื่อตามหา Insight สำเร็จรูปและไฮไลต์โควทคมๆโดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไร"

Bullet Journal Method. Pic from Amazon.com

Introduction

หลังจากที่เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการทำ Bullet Journal ของตัวเองไปแล้ว (อ่านได้ที่ลิงก์นี้) ก็เกิดสงสัยเกี่ยวกับ function จริงๆของการทำ BuJo ขึ้นมา ว่านอกจากการปรับแต่งตามความต้องการแล้วมันมีวิธีใช้อื่นที่ Productive มากกว่านี้หรือเปล่า และความสงสัยนี้ก็ทำให้เรามีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนของเราคนหนึ่งซึ่งกลับมาเขียน Bullet Journal หลังจากหยุดไปช่วงหนึ่ง เขาแนะนำให้เราลองอ่านหนังสือ Bullet Journal Method ดูสักครั้งเผื่อจะได้คำตอบ โดยเฉพาะบทที่สามที่เป็นแนวคิดหลักของหนังสือ เป็น Why ของการทำ Bujo

อาจฟังดูแปลก แต่เราทำ Bullet Journal มาสามปีโดยอาศัยแค่ Guideline จาก official website ของ BuJo เท่านั้นแต่ไม่เคยได้อ่านหนังสือเล่มนี้เลย ซึ่งหลังจากที่เราอ่านจนจบเราก็คิดว่าดีแล้วที่อ่านแค่ Guideline แล้วเขียนจนคล่องก่อนมาลองอ่าน เพราะถ้าเกิดมาเริ่มอ่านก่อนที่จะมีประสบการณ์อาจเขวี้ยงหนังสือทิ้งแล้วล้มเลิกความคิดที่จะทำ BuJo ไปเลยก็ได้

Review

เหตุผลหลักๆที่จะทำให้เราเขวี้ยงหนังสือทิ้งคือความไม่ถูกจริตกับหนังสือ Self-help อย่างรุนแรง และเพียงแค่อ่านคำโปรยของ Bullet Journal Method เราก็แทบจะตีตราจัดประเภทให้มันอยู่ในหมวด "หนังสือ Self-help เหม็นกลิ่นฮิปสเตอร์" แทบจะในทันที แต่เพราะมีประสบการณ์ในการทำ BuJo มาก่อนจึงพออดทนอ่านแนวคิดที่เป็น Behind the scene ของการทำ BuJo ได้จนจบ แม้จะเข้าใจและรู้สึกคล้อยตามแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความไม่ถูกจริตนั้นก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะการ Romanticize แนวคิดบางอย่างในหนังสือที่มันให้ความรู้สึก “เกินเบอร์” ก็ทำให้เราต้องหยุดอ่านเป็นระยะเพราะทนรับความเลี่ยนไม่ไหว อย่างตอนที่เห็นคำว่า Ikigai ปรากฏในหนังสือนั้นเราก็หยุดอ่านในทันทีและปิดหนังสือไปเกือบเดือนกว่าจะทำใจกลับมาอ่านต่อได้ (และแน่นอนว่าต้องมาเริ่มอ่านใหม่เพราะลืมไปแล้วว่าอ่านถึงตรงไหน)

แต่อย่างไรก็ตาม หากตัดกลิ่นเหม็นฮิปสเตอร์และความเลี่ยนของการ Romanticize แนวคิดและชีวิตออกไป หนังสือเล่มนี้ถือว่าเขียนและเรียบเรียงออกมาได้ดีทีเดียว ผู้เขียนนำแนวคิดการพัฒนาตนเองและการบริหารจัดการที่หลากหลายมาใช้ได้อย่างพอเหมาะพอควรและเล่าผ่านประสบการณ์ของตัวผู้เขียนที่นำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้แก้ปัญหาก่อนจะสรุปเป็น Insight ของตัวเองออกมา อ่านจบแล้วก็ได้อะไรกลับมาคิดต่อและปรับใช้พอสมควร เหมือนเอาวัตถุดิบหลายๆอย่างที่เราไม่ชอบอย่างละเล็กละน้อยมาปรุงรวมกันแล้วออกมาได้รสอร่อยพอกินได้

ส่วน Insight ที่เราได้กลับมาหลังอดทนอ่านจนจบนับว่าดีในระดับที่ตัวเองก็ไม่คิดว่ามันจะดีได้ขนาดนี้และคิดว่ามันคือสิ่งที่เจ๋งที่สุดของหนังสือเล่มนี้แล้ว ซึ่ง Insight ที่ว่าคือแนวคิดของการหยุดเพื่อถามตัวเองเป็นระยะว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตในช่วงนี้ เพื่อที่จะได้จัดสรรเวลาและพลังงานในการจัดการเรื่องเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้เขียนได้สรุปแนวคิดนี้ไว้ในคำว่า Intentionally หรือ "การใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย" เป็นการรวมกันของการใช้ชีวิตที่ "มีประสิทธิผล (Productivity)" และ "มีสติ เข้าใจตนเอง (Mindfulness)" ซึ่งสำหรับเราแล้วมันคือ Insight ที่พูดแทนหนังสือทั้งเล่มและผสานกับประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ทำ BuJo มาได้อย่างลงตัวและตอบคำถามเรื่อง function ของ BuJo ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เราเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์


"Intentionally" a picture from "Bullet Journal Method"

Summary

มันคือหนังสือ self-help เหม็นกลิ่นฮิปสเตอร์อย่างที่บอกนั่นแหล่ะ เป็นอื่นไปไม่ได้หรอก แต่มันเป็นหนังสือเหม็นๆที่น่าอ่านเพราะ Insight ที่ได้ค่อนข้างคุ้มกับเวลาและความอดทนที่ใช้ไปกับมัน และที่สำคัญคือมันเป็นหนังสือที่ซื่อตรงต่อแนวคิดของตัวมันเองโดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง มันเน้นย้ำประเด็นหลักอย่างการหยุดถามว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญตลอดทั้งเล่ม รวมทั้งยก Case Study ที่มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับประเด็นนั้นๆโดยไม่เติมแต่งให้มันเกินจริง มันจึงทำให้เราต่อติดกับหนังสือและเปิดใจรับฟังมันได้จนจบ

ซึ่งสุดท้ายถ้าจะให้แนะนำ เราแนะนำให้อ่านแค่บทแรกๆที่สอนทำแล้วไปลองทำสักสองสามเดือนพอให้เราได้เห็นประโยชน์และเห็นปัญหาก่อนแล้วค่อยกลับไปอ่านบทอื่นต่อ เพราะมันจะทำให้เราสามารถเชื่อมโยงแนวคิดต่างๆในหนังสือกับประสบการณ์และนำไปประยุกต์ใช้ได้ เพราะโดยแก่นแล้วมันควรจะเป็นเช่นนั้น ควรเป็นการ Practice เพื่อหา Insight จากประสบการณ์ตรงของตัวเองมากกว่าที่จะอ่านรวดเดียวเพื่อตามหา Insight สำเร็จรูปและไฮไลต์โควทคมๆโดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไร


Comments