Skip to main content

Featured

[Wrap Up + Replay] 2400 Inner System Blue : Missing Cyber Doc

หน้าปกเกม 2400 : Inner System Blues Introduction เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วหลังจากที่เราห่างหายการรัน TRPG ไปนานราวๆ 3 เดือน เราคิดว่าจะลองรันแบบ Play by Post หรือการ TRPG ผ่านทางการพิมพ์หรือการตั้งกระทู้ดู น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์หลังจากที่สถานการณ์โควิดดีขึ้นจนมีเวลาว่างไม่มากเท่าแต่ก่อน หลังจากทำการค้นข้อมูลสักพักจากเว็บบอร์ดต่างประเทศ รวมทั้งคลิป Youtube ที่แชร์ประสบการณ์การ Play by Post ทั้งที่ประสบความสำเร็จและที่ล้มเหลว เราก็ได้เลือกระบบเกมและร่างพล็อตของเกมขึ้นมา หลังจากนั้นจึงรับสมัครผู้เล่นใน Discord ของกลุ่ม Onion Knight Table  และเล่นกันในกลุ่ม เริ่มเล่นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ลากยาวมาจนจบในช่วงเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน

[Replay] : Bangkok Cult Story (Powered by FATE)

Bangkok Cult Story : FATE Condensed

-1-

กรมตำรวจได้รับแจ้งคดีปริศนาเข้ามาคดีหนึ่ง เป็นอุบัติเหตุการเสียชีวิตของ “เสี่ยซ้ง” เซียนหุ้นและพ่อค้ากระเพาะปลาชื่อดัง ในเบื้องต้นได้รับแจ้งว่าหลับในและขับรถพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้า แต่เมื่อชันสูตรก็พบว่าเสี่ยซ้งเสียชีวิตด้วยอาการคล้ายการจมน้ำทั้งๆที่ไม่มีน้ำสักหยดในที่เกิดเหตุ ด้วยเหตุนี้ ชาย ฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบสวนกลางผู้เชี่ยวชาญคดีปริศนาและโดราโตริ นินจาจากองค์กรอาชญากรรมที่ทำสัญญาลับกับตำรวจจึงได้รับมอบหมายให้มาทำคดีนี้

นอกจากทีมสืบสวนแล้วก็ยังมี ไทซน หนุ่มกล้ามโตพลังล้น ลูกน้องของเสี่ยจิวผู้เป็นเพื่อนสนิทของเสี่ยซ้ง และแลนเซลอต อดีตนักบินตาบอดชาวต่างชาติผู้มีสัญชาตญาณนักสืบ เพื่อนสมัยเด็กของไทซน ก็ได้เข้ามาร่วมตามล่าหาความจริงในครั้งนี้ด้วย

ทีมสืบสวนเฉพาะกิจที่จะร่วมผจญภัยไปกับเราในวันนี้

-2-

เหล่านักสืบสวนเริ่มสืบจากห้องทำงานเสี่ยซ้งเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม พวกเขาพบรายชื่อของคนที่เสี่ยซ้งอาจไปพบก่อนเสียชีวิต คนหนึ่งคือ ‘สมหมาย’ เซียนพระที่เพิ่งขายพระเครื่องสีเขียวประหลาดให้แก่เสี่ยซ้ง และอีกคนคือ ‘น้องจอย’ สาวไซด์ไลน์ที่เสี่ยซ้งเพิ่งใช้บริการไปไม่นานมานี้โดยจองผ่านคลับ T-DED 66 ในฐานะลูกค้า VIP

ส่วนข้อมูลอื่นที่พวกเขาค้นพบได้แก่คอลเลคชั่นพระเครื่องอันแปลกประหลาดของเสี่ยซ้งที่มีแต่พระเครื่องมวลสารสีเขียวและรูปถ่ายเก่าของเสี่ยซ้งกับเพื่อนๆคู่กับซากสัตว์ลึกลับที่หาดแห่งหนึ่ง ภรรยาของเสี่ยซ้งเล่าว่าคนในรูปคือเสี่ยซ้ง, เสี่ยจิว เจ้านายของไทซน และเสี่ยเล้งที่เสียชีวิตไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

หลังจากการปรึกษากัน ทีมสืบสวนตัดสินใจว่าจะลองไปหา ‘สมหมาย’ กันก่อน

ตรวจสอบห้องทำงานของเหยื่อฆาตกรรม

-3-

ทีมสืบสวนได้ไปหาสมหมายจากที่อยู่ที่ได้จากนามบัตรของสมหมายที่ศูนย์ซื้อขายพระเครื่องแห่งหนึ่งและพบว่าสมหมายไม่ได้มาเปิดร้านร่วมสัปดาห์แล้ว โดยคนขายพระเครื่องในละแวกนั้นบอกว่าเขาไปเที่ยวเมืองนอกหลังจากปล่อยขายพระเครื่องไปองค์หนึ่ง

แต่ทีมสืบสวนก็ไม่ได้มาเสียเที่ยวเสียทีเดียว พวกเขาตัดสินใจหาข้อมูลเกี่ยวกับความหมกมุ่นของเสี่ยซ้งต่อพระเครื่องสีเขียวประหลาดที่สมหมายเอามาขายและได้พบกับ ‘อาจารย์ยอด’ เซียนพระเครื่องที่ได้เล่าเรื่องที่มาของพระเครื่องลึกลับนั้นว่าทำมาจากมวลสารจาก ‘พะยูนเขียว’ ที่ขึ้นมาเกยตื้นชายฝั่งนครศรีธรรมราชเมื่อเมื่อ 30 ปีที่แล้ว พร้อมทั้งเอาข่าวจากหนังสือพิมพ์เก่าๆที่เขาตัดเก็บไว้มาให้ทีมสืบสวนดู และยังแนะนำอีกว่าถ้าต้องการรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ให้ลองไปถาม ‘อาจารย์วิฑูรย์’ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความเชื่อลึกลับดู

หาข้อมูลที่ศูนย์พระเครื่อง

-4-

ทีมสืบสวนได้มาพบอาจารย์วิฑูรย์ที่ห้องสมุดประจำคณะและได้สอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์พะยูนเขียวเกยตื้น อาจารย์วิฑูรย์เล่าว่าเขาเป็นหนึ่งในทีมสำรวจที่ลงไปวิจัย ‘พะยูนเขียว’ ตัวนั้น ซึ่งเขาคิดว่ามันดูคล้ายปลาหมึกมากกว่าที่จะเป็นพะยูน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ศึกษามันเพิ่มเติม ซากของพะยูนเขียวก็ถูกขโมยไป ซึ่งภายหลังอาจารย์วิฑูรย์ก็ได้ยินข่าวลือมาว่ามีคนเอาซากนั้นไปทำพระเครื่อง ซึ่งก็คือพระเครื่องสีเขียวประหลาดที่ในปัจจุบันเป็นพระเครื่องที่หายากมากๆและน่าจะมีไม่ถึงสิบอัน อาจารย์วิฑูรย์บอกว่ามันเคยปรากฏในวงการพระเครื่องเพียงครั้งเดียวเมื่อ 20 ปีที่แล้วโดยมีเจ้าของคือ ‘เสี่ยเล้ง’

ทีมสืบสวนจำได้ว่า ‘เสี่ยเล้ง’ ที่เป็นเพื่อนของเสี่ยซ้งก็ได้เสียชีวิตไปเมื่อ 20 ปีที่แล้วเช่นกัน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระเครื่องลึกลับนี้ด้วยอีกต่างหาก ชาย ฉกรรจ์ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากกรมตำรวจให้ตรวจสอบประวัติการตายของเสี่ยเล้งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเทียบกับผลชันสูตรของเสี่ยซ้ง

และระหว่างรอข้อมูลตอบกลับ พวกเขาก็ตัดสินใจไปตามหาเบาะแสที่ T-DED 66

พบกับอาจารย์วิฑูรย์ที่ห้องสมุด


-5-

ที่คลับ T-DED 66 สถานเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยแสงสีและนารีตัวท็อป ทีมสืบสวนได้เข้ามาและตัดสินใจแยกกันไปสืบข้อมูลของน้องจอย แต่ดูเหมือนว่าความร้อนแรงและเย้ายวนของน้องๆในร้านจะทำให้พวกเขาไขว้เขวไปพอประมาณ ไทซนลืมไปว่าตัวเองมาทำงานและเล่นสนุกกับน้องๆอยู่ที่โต๊ะ, แลนเซลอตที่พยายามสืบข้อมูลแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะพูดไทยไม่ชัดเท่าไหร่, ชาย ฉกรรจ์ ที่ขึ้นไปสืบข้อมูลที่ชั้น VIP แต่เผลอตัวเปย์ให้ ‘น้องเอมมี่’ เข้ามาคลอเคลียเต็มที่หลังจากได้ถามข้อมูลเกี่ยวกับน้องจอยไป และโดราโตริที่แม้จะไม่ได้เพลิดเพลินไปกับแสงสีและนวลนางแต่ก็กำลังสนุกกับการใช้วิชานินจาล้วงกระเป๋าแขกที่เมามายและปีนฝ้าขึ้นไปดักฟังข้อมูลจากคนที่เข้าห้องน้ำอยู่

สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากสร่างเมาจากกลิ่นเนื้อสาวและลีลาอันเย้ายวนของน้องๆแห่งร้าน T-DED 66 พวกเขาก็ได้ข้อมูลว่าน้องจอยนั้นไม่ได้เข้ามาทำงานที่ร้านหลายวันแล้ว และน่าจะอยู่ที่คอนโดของเสี่ยซ้งสักแห่ง ติดปัญหาที่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าคอนโดนั้นอยู่ที่ไหนจนกระทั่งไทซนนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ค้นห้องทำงานเสี่ยซ้งอยู่นั้นพวกเขาพบใบจ่ายค่าส่วนกลางคอนโดด้วย พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะลองไปตรวจสอบดูในวันรุ่งขึ้น

ร้าน T-DED 66 ที่ทำให้เหล่านักสืบ ห วั่ น ไ ห ว ใ จ เ ก เ ร

-6-

สมาชิกทีมสืบสวนได้มาถึงคอนโดของน้องจอยและทำการติดต่อกับนิติบุคคลจนสามารถขึ้นไปจนถึงห้องของน้องจอยได้แล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่ว่าจะเคาะห้องนานแค่ไหนก็ไม่มีใครตอบรับเลย โดราโตริจึงตัดสินใจปีนระเบียงห้องข้างๆและพังกระจกเข้าไปในห้องของน้องจอยและพบว่าน้องจอยได้เสียชีวิตไปแล้ว ที่คอของน้องจอยมีรอยจุดสีแดงที่มีสีม่วงจางๆรอบๆจุด

ชาย ฉกรรจ์ ได้โทรเรียกตำรวจเพื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พวกเขาได้ตรวจสอบโทรศัพท์ของน้องจอยและพบรูปเซลฟี่ของน้องจอยกับเสี่ยซ้งในคืนที่เสี่ยซ้งเสียชีวิต และพบว่าในวันนั้นเสี่ยซ้งห้อยพระเครื่องสีเขียวประหลาด แต่ตำรวจไม่พบพระเครื่องนั้นที่ศพของเสี่ยซ้งในที่เกิดเหตุ เป็นไปได้ว่ามีใครสักคนวางแผนฆ่าเสี่ยซ้งเพื่อชิงพระเครื่องนั้น

และหลังการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทีมสืบสวนและตำรวจได้พบช่องลับบนโต๊ะเครื่องแป้งของน้องจอย ภายในมีพระเครื่องสีเขียวของเสี่ยซ้งอยู่ เป็นไปได้ว่าในคืนนั้นเสี่ยซ้งได้ให้พระเครื่องกับน้องจอยเอาไว้ หรือน้องเขาอาจเป็นคนแอบเก็บมันเอาไว้เอง แต่ไม่ว่าเรื่องของน้องจอยจะเป็นอย่างไร ความจริงที่ว่าตอนนี้มีใครสักคนกำลังตามล่าพระเครื่องนี้อยู่ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากกว่า

ทีมสืบสวนจึงตัดสินใจส่งพระเครื่ององค์นั้นไปตรวจสอบและเก็บรักษาไว้กับตำรวจก่อน

น้องจอยกับคดีปริศนาในห้องปิดตาย


-7-

ทีมสืบสวนนั่งรอผลการตรวจสอบกันอยู่ แต่ก่อนที่ผลจะออกพวกเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาจากห้องแล็บ เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปก็พบว่าเจ้าหน้าที่ห้องแล็บได้เสียชีวิตแล้ว ชาย ฉกรรจ์กับแลนเซลอตเข้าไปตรวจสอบศพเจ้าหน้าที่และพบว่าบาดแผลเป็นแบบเดียวกันกับน้องจอย ไทซันกับโดราโตริรีบตามคนร้ายออกไป ไทซันผู้ซึ่งวิ่งไล่กระทืบคนเป็นประจำสามารถกระโดดรวบตัวคนร้ายไว้ได้ จังหวะนั้นเองที่โดราโตริเห็นว่าคนร้ายที่ว่าคือนินจาจากอีกสำนัก เป็นอันรู้กันแล้วว่าใครที่เป็นคนบุกเข้าไปในห้องน้องจอยอย่างไม่มีร่องรอย

อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะรวมพลังกันแต่นินจานั้นว่องไวเกินไป มันสามารถหลุดจากการจับกุมของพวกเขาไปได้พร้อมกับพระเครื่องสีเขียวซึ่งเป็นเบาะแสสุดท้ายที่พวกเขามีเสียแล้ว

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ทางหน่วยสอบสวนกลางได้ค้นเจอประวัติการตายของ ‘เสี่ยเล้ง’ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว พบว่าเสี่ยเล้งตายด้วยสาเหตุเดียวกันกับเสี่ยซ้ง คือจมน้ำในสถานที่ที่ไม่มีน้ำสักหยด และสิ่งที่น่าสนใจคือพวกเขาค้นพบซากชิ้นเนื้อสีเขียวประหลาดฝังอยู่ในกระเพาะของทั้งสองคน และจากการตรวจสอบกับอาจารย์วิฑูรย์ พวกเขาพบว่ามันคือชิ้นเนื้อของพะยูนเขียวแบบเดียวกันกับที่ทีมสำรวจของอาจารย์วิฑูรย์เคยเก็บมาจากนครศรีธรรมราชเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

เสี่ยซ้ง เสี่ยเล้ง เป็นคนที่เคยกินเนื้อพะยูนเขียวและถือครองพระเครื่องที่ทำจากซากพะยูนเขียว ตอนนี้คนเพียงคนเดียวที่น่าจะเคยกินพะยูนเขียวและยังมีชีวิตอยู่น่าจะเหลือเพียงคนเดียวนั่นคือเสี่ยจิว เจ้านายของไทซน ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปตามนี้ไทซนก็รีบโทรหาเจ้านายของเขาทันทีแต่ว่าก็สายไปเสียแล้ว


-8-

ทีมสืบสวนรุดไปที่บ้านของเสี่ยจิวและพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน ทั้งเสี่ยและบอร์ดี้การ์ด ไทซนวิ่งไปรอบบ้านเพื่อตามหาเสี่ย ส่วนคนที่เหลือและตำรวจไปค้นบ้านเผื่อว่าจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์และก็ได้พบกับสำเนาหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นหนังสือที่เขียนด้วยภาษาที่พวกเขาไม่คุ้นเคย ภายในเต็มไปด้วยแผนภาพและรูปวาดอสุรกายต่างๆเต็มไปหมด พวกเขาตัดสินใจกลับไปหาอาจารย์วิฑูรย์อีกครั้งเผื่อว่าหนังสือประหลาดเล่มนี้จะบอกอะไรพวกเขาได้บ้าง

อาจารย์วิฑูรย์บอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือของพวกลัทธิโบราณ เล่มจริงทำมาจากหนังมนุษย์ เขาลองเปิดและพบบทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลึกลับที่พวกเขากำลังเผชิญ หนังสือโบราณนั้นบอกว่าเมื่อผู้คนได้กลืนกินชิ้นเนื้อของเหล่าทวยเทพ ชิ้นเนื้อนั้นจะยังคงฝังในร่างและหลอมรวมกับวิญญาณ เมื่อดวงดาวเรียงตัวอย่างถูกต้อง วิญญาณที่หลอมรวมกับชิ้นเนื้อนั้นจะกลับสู่กายเนื้ออันสมบูรณ์ และเหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งกาลก่อนก็จักจุติกลับมาอีกครั้ง โดยหนังสือยังบอกอีกว่าพิธีพวกนี้จำเป็นต้องทำในสถานที่ที่ใกล้กับน้ำ เพราะน้ำเป็นมณฑลแห่งเทพโบราณ

วิญญาณที่หลอมรวมกับชิ้นเนื้อชิ้นสุดท้ายคือเสี่ยจิว และวันที่ดวงดาวเรียงตัวกันอีกครั้งคือคืนนี้ ส่วนสถานที่นั้นยังไม่ทราบ แต่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้น ไทซนเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าหากจะมีสถานที่ที่ใกล้น้ำและเสี่ยจิวเป็นเจ้าของ สถานที่นั้นก็ต้องเป็นโกดังริมน้ำที่ใช้เป็นจุดพักของเถื่อนของเสี่ยจิวเป็นแน่ บวกกับข้อมูลของตำรวจที่ตรวจกล้องจราจรแล้วพบว่ามีรถตู้ต้องสงสัยวิ่งไปทางปากน้ำก็ยิ่งทำให้แน่ใจ

แม้ไทซนจะไม่อยากเปิดเผยเรื่องโกดังของเจ้านาย แต่เมื่อชีวิตของเสี่ยจิวกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจึงตัดสินใจที่จะนำทางไปยังโกดังแห่งนั้น


-9-

ทีมสืบสวนมาถึงโกดังริมน้ำก่อนตำรวจ หลังจากที่โดราโตริได้เข้าไปสอดแนมภายในโกดังเรียบร้อยพวกเขาก็ได้แอบลอบเข้าไปในโกดังทีละคนด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของแลนเซลอต แต่แม้จะเข้าไปได้แต่ความพยายามในการลอบโจมตียามภายในโกดังกลับไม่เป็นผล เกิดการต่อสู้ขึ้นและทำให้การลอบเร้นเสียเปล่า แต่พวกเขาก็สามารถล้มยามทั้งหมดและเข้าสู่โกดังชั้นในได้

โดราโตริกับไทซนได้เข้าไปยังโกดังชั้นในส่วนที่ติดแม่น้ำก่อน พวกเขาพบว่าทันทีที่เข้ามาบรรยากาศก็เปลี่ยนไป บรรยากาศแปลกปลอมเหมือนกับถูกตัดขาดจากภายนอก และที่สุดทาง ไทซนเห็นชายคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมอยู่กลางวงแหวนเวทเรืองแสงสีเขียวที่ค่อยๆเลื้อยเข้าไปในร่างกายของชายคนนั้น

ไทซนที่กำลังโกรธจัดเรื่องเสี่ยจิวก็วิ่งเข้าไปหมายจะตะบันชายลึกลับให้ลงไปนอน แต่ก่อนที่หมัดจะถึงเป้าหมาย นินจาในชุดสีน้ำเงินเข้มก็เข้ามาขวางทางเขาไว้และใช้ฝ่ามืดหยุดหมัดของเขาอย่างง่ายดาย เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากนินจาผู้นั้น

เท่านั้นยังไม่พอ ชายในชุดผ้าคลุมที่ดูดพลังจากวงเวทเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาและเปิดผ้าคลุมออก ไทซนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อชายลึกลับคนนั้นแท้จริงแล้วคือเสี่ยจิว เจ้านายของเขานั่นเอง

“กลับมารับใช้ข้าสิ ไทซน” เสี่ยจิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก


การต่อสู้เพื่อช่วยโลกใบนี้ไว้


-10-

เป็นเสี่ยจิวที่วางแผนทั้งหมดมาตั้งแต่แรก เขาเริ่มเอะใจเรื่องชิ้นเนื้อของพะยูนเขียนที่พวกเขาเคยกินเมื่อครั้งอดีตนั้นเป็นต้นเหตุให้เสี่ยเล้งตาย เขาพยายามค้นคว้าข้อมูลอย่างหนักและสุดท้ายก็ได้มาพบกับหนังสือลึกลับเล่มนั้นที่เขาได้สำเนามาจากเส้นสายในตลาดมืดและพบว่าความตายของพวกเขาทั้งสามนั้นเป็นชะตาที่ไม่อาจหลีกหนี แต่หลังจากค้นคว้าตำราโบราณต่อเขาก็พบว่าเขาอาจมีชีวิตรอดต่อไปได้แต่ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์ เขาจะต้องเป็นร่างสถิตให้แก่เทพโบราณ โดยการใช้ชิ้นเนื้อสมบูรณ์หรือพระเครื่องนั้นในการดูดวิญญาณของเสี่ยซ้งผู้มีชิ้นเนื้อพะยูนเขียวในร่างมาประกอบพิธี แม้จะมีติดขัดไปบ้างเพราะพระเครื่องดันไม่อยู่กับเสี่ยซ้งตอนตาย แต่ด้วยฝีมือการสืบคดีของไทซนและเพื่อน ท้ายที่สุดเขาก็ได้ส่งคนไปแย่งชิงพระเครื่องนั้นมาจนได้

ชาย ฉกรรจ์และแลนเซลอตตามเข้ามาในโกดังด้านในหลังจากที่ตำรวจจากหน่วยรบพิเศษอีกสามนายเข้ามาสมทบแล้ว และเมื่อเข้าสู่โกดังด้านในพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงการถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เมื่อพวกเขาเข้ามาก็พบกับสถานการณ์แปลกประหลาด มีคนแปลกๆในเสื้อคลุม นินจาในชุดน้ำเงิน และไทซนที่มีท่าทางแปลกไป แต่ยังไม่ทันจะได้สอบถามอะไร ทั้งนินจา, ไทซน และชายในเสื้อคลุมก็เริ่มการโจมตี
เสี่ยจิวโจมตีด้วยหนวดปลาหมึกที่งอกมาจากแขน ส่วนนินจาชุดน้ำเงินนั้นได้ใช้ระเบิดไอเย็นสร้างทุ่งน้ำแข็งขึ้นมากลางโกดัง เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเกือบฆ่าหน่วยพิเศษทั้งสามคนได้สำเร็จ ไทซนได้ซัดหน้าโดราโตริไปหนึ่งหมัดตามคำสั่งเสี่ยจิวแต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายในแก่โดราโตริไหร่ สุดท้ายโดราโตริสามารถพลิกสถานการณ์ได้โดยการจุดไฟจากเทียนและคบเพลิงที่ใช้ทำพิธี ทำลายทุ่งน้ำแข็งและชิงความได้เปรียบกลับมาได้สำเร็จ

ชาย ฉกรรจ์และหน่วยรบพิเศษระดมยิงนินจาและเสี่ยจิวที่กลายร่าง พยายามไม่ให้ถูกไทซนที่ยังลังเลว่าจะช่วยเจ้านายหรือช่วยเพื่อนๆของเขาดี แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเสี่ยจิวที่ยังกลายร่างไม่สมบูรณ์ก็ถูกกระสุนทะลวงจนเกือบล้มลงไปนอนแล้ว

สุดท้ายไทซนก็คิดได้และหันกลับไปซัดหน้านินจาน้ำแข็ง เขาไม่สามารถทำตามสิ่งที่เขาเห็นว่ามันผิดได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำร้ายเจ้านายของเขาได้เช่นกัน สุดท้ายเขาจึงแก้ปัญหาด้วยการซัดหน้าศัตรูที่ไม่ใช่เจ้านายเก่าของเขาแทน

แต่ไทซนก็ไม่ต้องลำบากใจนานมาก เมื่อสุดท้ายร่างที่ไม่เสถียรของเสี่ยจิวก็สลายกลายเป็นก้อนเนื้อและได้เข้ารวมร่างกับนินจาน้ำแข็ง งอกปีกและหนวดปลาหมึกออกมาจากร่างกายใหม่นั้น สถานการณ์เริ่มแย่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังอ่อนแอลงทุกขณะ

ในชั่วขณะของความเป็นความตาย แลนเซลอตที่เฝ้าดูสถานการณ์มาเนิ่นนานเริ่มคิดอะไรออก เขาได้ใช้ทักษะของเขาในการสร้างสถานการณ์ที่ช่วยให้เพื่อนๆในทีมได้เปรียบในการโจมตี ทั้งการโยนระเบิดขวดสร้างทะเลเพลิงเพื่อทำลายความสามารถพิเศษของนินจาน้ำแข็ง และการโยนระเบิดแสงเพื่อสกัดการโจมตีของตัวประหลาดตรงหน้า

สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โดราโตริเสียสละดาบคู่ใจเพื่อเข้าไปสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้สัตว์ประหลาด ในระหว่างที่ไทซนเริ่มเลือดขึ้นหน้าหลังจากที่โดนโจมตีอย่างต่อเนื่องก่อนหน้า เมื่อร่างของเจ้านายเก่าสลายกลายเป็นก้อนเนื้อเขาไปแล้วก็ยิ่งทำให้เขาโจมตีได้อย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้น หมัดหนักจากนักเลงหนุ่มซัดเข้าใส่ร่างกึ่งคนกึ่งอสุรกายดังตุ้บตั้บ หากเป็นคนปกติโดนหมัดแบบนี้เข้าไปจะต้องมีอวัยวะภายในฉีกขาดกันบ้าง

ชาย ฉกรรจ์กับทีมตำรวจก็สาดกระสุนเข้าใส่ทันทีเมื่อมีโอกาส เขาไม่ยอมเว้นจังหวะให้อสุรกายฟื้นตัว กระสุนแต่ละนัดชำแรกผ่านชิ้นเนื้อแปลกประหลาดเหล่านั้น บ้างก็ฉีกกระชากหนวดและปีกจนขาดรุ่งริ่ง

เมื่อทุกคนทุ่มโจมตีจนสุดตัว มีหรือที่แลนเซลอตจะอยู่เฉยๆ เขาวิ่งเข้าไปพร้อมกับมีดทำครัวที่แอบหยิบมาจากห้องของน้องจอยและเสียบมีดนั้นใส่ขมับของอสุรกายจนทะลุไปอีกด้าน เจ้าอสุรกายนเบิกตาโพลง สติและลมหายใจของมันปลิดปลิวไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อแลนเซลอตดึงมีดออกมา ทุกอย่างกลับมาอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง มิติแปลกประหลาดที่กั้นพวกเขาไว้จากโลกภายนอกก็สลายไป

ทีมสืบสวนเฉพาะกิจแต่ละคนทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ ทุกคนเต็มไปด้วยบาดแผล ได้แต่มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร เพราะพวกเขารู้ดีว่าพวกเขาได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ทั้งไขปริศนาคดีฆาตกรรมเสี่ยซ้ง และ



Comments