Skip to main content

Featured

[Wrap Up + Replay] 2400 Inner System Blue : Missing Cyber Doc

หน้าปกเกม 2400 : Inner System Blues Introduction เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วหลังจากที่เราห่างหายการรัน TRPG ไปนานราวๆ 3 เดือน เราคิดว่าจะลองรันแบบ Play by Post หรือการ TRPG ผ่านทางการพิมพ์หรือการตั้งกระทู้ดู น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์หลังจากที่สถานการณ์โควิดดีขึ้นจนมีเวลาว่างไม่มากเท่าแต่ก่อน หลังจากทำการค้นข้อมูลสักพักจากเว็บบอร์ดต่างประเทศ รวมทั้งคลิป Youtube ที่แชร์ประสบการณ์การ Play by Post ทั้งที่ประสบความสำเร็จและที่ล้มเหลว เราก็ได้เลือกระบบเกมและร่างพล็อตของเกมขึ้นมา หลังจากนั้นจึงรับสมัครผู้เล่นใน Discord ของกลุ่ม Onion Knight Table  และเล่นกันในกลุ่ม เริ่มเล่นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ลากยาวมาจนจบในช่วงเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน

Ready Player Two : Ernest Cline [SPOILER ALERT]

Ready Player Two : ภาคต่อที่ขยายสเกลของโลกนิยายไปอีกขั้น แต่ดูเหมือนจะมีปัญหากับการเล่าเรื่อง


ภาพปก Ready Player Two จาก : https://www.amazon.com/Ready-Player-Two-Ernest-Cline/dp/1524761338


เรื่องย่อ 

Ready Player Two เป็นภาคต่อของ Ready Player One หลังจากที่ เวด วัตส์ และพวกเอาชนะการแข่งขันล่าไข่อีสเตอร์ของฮัลลิเดย์ในภาคที่แล้วและได้กลายเป็นเจ้าของ บริษัทเกรกาเรียสซิมูเลเตอร์ซิสเต็ม - จีเอสเอส ที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเกมออนไลน์และโลกเสมือนจริงอย่าง โอเอซิส เวดได้ค้นพบเทคโนโลยีล้ำยุคที่เป็นมรดกอีกชิ้นของฮัลลิเดย์ (ผู้สร้างโอเอซิส) ที่มีชื่อเรียกว่า OASIS Neural Interface - ONI ที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมในโลกเสมือนจริงไปอีกขั้นโดยการย้ายจิตสำนึกของผู้เล่นเข้าไปในโอเอซิสและทิ้งร่างกายเอาไว้ในสภาพหลับลึก โดยคนที่ใช้ ONI ในการเข้าเกมจะรับรู้ทุกสิ่งในเกมผ่านประสาทสัมผัสได้เหมือนโลกจริง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปล่อยเทคโนโลยีนี้ออกสู่ตลาดหรือไม่ก็ได้สร้างความแตกแยกในกลุ่มของเวด โดย ซาแมนธา แฟนสาวของเวดเป็นเพียงคนเดียวที่คัดค้านการตัดสินใจนี้จนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเวดต้องยุติลง

แม้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้คนสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่อาจไม่มีโอกาสได้สัมผัสในชีวิตจริงและช่วยให้การเล่นเกมรื่นรมย์ขึ้น แต่มันก็สร้างปัญหาตามมาไม่น้อย เช่นการฆาตกรรมผู้ใช้ ONI เพื่อชิงอวัยวะในระหว่างที่ร่างกายอยู่ในสภาพหลับลึก, การใช้งาน ONI เกินขีดจำกัดจนสมองถูกทำลาย และการเสพติดโลกเสมือนจริงที่หนักข้อยิ่งกว่าเดิม

ถึงจะมีความเสี่ยงแต่เทคโนโลยี ONI นั้นก็ได้รับความนิยมมากจนจีเอสเอสสามารถทำกำไรได้ถล่มทลาย และเมื่อมีผู้ใช้ ONI ครบ 7,777,777 คน ภารกิจใหม่จากฮัลลิเดย์ผู้ล่วงลับในการหาไอเทมลึกลับที่ชื่อว่า “ชิ้นส่วนทั้งเจ็ดแห่งวิญญาณไซเรน” ที่เต็มไปด้วยปริศนาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในผู้ร่วมสร้างโอเอซิสที่เป็นรักแรกและรักข้างเดียวของฮัลลิเดย์อย่าง คีร่า อันเดอร์วู้ด ก็ปรากฏขึ้นพร้อมๆกับศัตรูใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด

วิจารณ์

โดยภาพรวมและโดยคอนเซปท์ Ready Player Two เป็นภาคต่อที่พยายามจะยกระดับสเกลของเรื่องให้ไหญ่และใหม่ขึ้น ใส่ประเด็นเพิ่มเติมต่างๆเข้ามานอกเหนือไปจากวิดิโอเกมเสมือนจริงทั้งในแง่ของวิทยาศาสตร์ - เทคโนโลยี เช่น การเปลี่ยนจิตสำนึกเป็นข้อมูล, ปัญหาอาชญากรรมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี และยังพยายามขายคอนเซปท์เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศที่กำลังเป็นกระแสของโลกด้วยการแนะนำตัวละครใหม่ที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศอย่าง โลเอินกริน ที่เป็นผู้ตามหาชิ้นส่วนวิญญาณชิ้นแรกพบ

แต่อย่างไรก็ตาม สเกลที่ใหญ่ขึ้นกับประเด็นที่หลากหลายนั้นกลับไม่สามารถถูกนำมาเล่าได้อย่างลงตัว การดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของเวดเพียงคนเดียวทำให้เรารับรู้ความเป็นไปทั้งในโลกจริงและในโอเอซิสในมุมมองที่จำกัดและยังทำให้บทไปกระจุกอยู่ที่เวดจนตัวละครอื่นจืดจางและไร้มิติไป โดยเฉพาะตัวละครใหม่อย่าง โลเอินกริน ที่แม้จะเปิดตัวมาเพื่อพูดถึงประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศแต่ก็ถูกตัดบทไปอย่างน่าเกลียด คล้ายกับ ฟินน์ และ โรส ใน สตาร์วอร์สไตรภาคล่าสุด ที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อขายความหลากหลายทางเชื้อชาติแต่มีบทไม่โดดเด่น

ส่วนภารกิจการหาชิ้นส่วนวิญญาณที่ต้องอาศัยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมป๊อปต่างๆก็ไม่สนุกเท่าภาคแรก ข้อแรกคือวัฒนธรรมป๊อปที่ถูกอ้างอิงถึงนั้นค่อนข้างเฉพาะทางและโฟกัสไปที่ยุค 80 เป็นหลัก ทำให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับวัฒนธรรมเหล่านั้นจะไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมโดยสิ้นเชิง ข้อสองคือวิธีการทำภารกิจที่น่าเบื่อและมีรูปแบบซ้ำๆ ไขปริศนา - วาร์ปมาที่ดาวที่ต้องการ - คนในกลุ่มรู้ทันทีว่าจะหาชิ้นส่วนวิญญาณจากไหนพร้อมอัดข้อมูลใส่แบบมืดฟ้ามัวดิน - นำเวดไปตามหาชิ้นส่วนวิญญาณแบบรีบๆ และการเขียนก็เน้นบรรยายฉากจนทำให้การดำเนินเรื่องช้าจนน่ารำคาญ

โดยสรุป เรารู้สึกว่าคนเขียนพยายามจะเปลี่ยนจากการเขียนนิยายแนวไซไฟเนิร์ดติดเกมอ่านสนุกไปเป็นนิยายที่เน้นประเด็นจริงจังมากขึ้นเหมือนกับ Black mirror ทำให้บรรยากาศเก่าๆสมัย Ready Player One หายไปจนหมด ในหลายๆส่วนก็ดูฝืนๆเหมือนผู้เขียนเองก็ไม่ถนัดในการเล่าประเด็นเหล่านี้ แม้จะทำรีเสิร์ชมาเยอะแต่ไม่สามารถนำมาเรียบเรียงได้ ทำให้กลายเป็นนวนิยายที่ขาดๆเกินๆในทุกด้าน

และในช่วงที่เราเขียนบทความนี้ก็มีข่าวว่าบทภาพยนตร์ Ready Player Two นั้นกำลังอยู่ในการพัฒนา เราเชื่อว่าเมื่อหนังออกมาต้องต่างจากในนิยายค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องการดำเนินเรื่องและวัฒนธรรมป๊อปที่จะนำมาใช้ในภารกิจตามหาชิ้นส่วนวิญญาณ ซึ่งเราก็ต้องรอดูว่าบทหนังจะสามารถปรับปรุงให้เรื่องราวมันมีความกลมกล่อมและเข้าถึงคนหมู่มากได้ขนาดไหน ถ้าไปในทิศทางเดียวกันกับหนังภาคแรกก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าติดตาม

Comments