Skip to main content

Featured

[Wrap Up + Replay] 2400 Inner System Blue : Missing Cyber Doc

หน้าปกเกม 2400 : Inner System Blues Introduction เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วหลังจากที่เราห่างหายการรัน TRPG ไปนานราวๆ 3 เดือน เราคิดว่าจะลองรันแบบ Play by Post หรือการ TRPG ผ่านทางการพิมพ์หรือการตั้งกระทู้ดู น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์หลังจากที่สถานการณ์โควิดดีขึ้นจนมีเวลาว่างไม่มากเท่าแต่ก่อน หลังจากทำการค้นข้อมูลสักพักจากเว็บบอร์ดต่างประเทศ รวมทั้งคลิป Youtube ที่แชร์ประสบการณ์การ Play by Post ทั้งที่ประสบความสำเร็จและที่ล้มเหลว เราก็ได้เลือกระบบเกมและร่างพล็อตของเกมขึ้นมา หลังจากนั้นจึงรับสมัครผู้เล่นใน Discord ของกลุ่ม Onion Knight Table  และเล่นกันในกลุ่ม เริ่มเล่นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ลากยาวมาจนจบในช่วงเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน

มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ : ภรณ์ทิพย์ มั่นคง

 ภาพรวม

"มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ" เป็นหนังสือบอกเล่าประสบการณ์ในเรือนจำของผู้เขียน "ภรณ์ทิพย์ มั่นคง" ซึ่งถูกตัดสินจำคุกจาก ม.112 เมื่อปี 2558 (2015) จากการแสดงและกำกับละครที่ถูกตัดสินว่าเข้าข่าย "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

หนังสือเล่าเรื่องแบบเรียงลำดับเวลาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าไปในเรือนจำ เล่าตั้งแต่สภาพแวดล้อม, สภาพสังคมและปฏิสัมพันธ์ของผู้คนในพื้นที่, ลำดับขั้นทางสังคมทั้งของตัวนักโทษและเจ้าหน้าที่ ฯลฯ เขียนและเรียงลำดับเรื่องได้ดี สามารถอ่านได้เรื่อยๆและคงรู้สึกเพลินหากไม่ได้อ่านช่วงแรกของหนังสือที่ผู้เขียนเกริ่นว่าเขาจะเล่าอะไรให้เราฟังบ้างในเล่ม และสำทับไว้ว่าสำหรับผู้อ่านแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องเพลิดเพลินฆ่าเวลาเรื่องหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นประโยคที่เราเองก็ยังไม่เข้าใจนักในทีแรกที่ได้อ่าน

จนเมื่อได้อ่านไปเรื่อยๆและรับรู้เหตุการณ์ต่างๆทั้งดีทั้งร้ายที่เกิดแก่ตัวผู้เขียนผ่านตัวอักษร เราก็เริ่มเห็นภาพว่าทำไมผู้เขียนจึงขึ้นต้นหนังสือด้วยข้อความนั้น และเมื่ออ่านหนังสือจบลงภาพนั้นก็ชัดเจนขึ้นมา แม้หนังสือจะเป็นไปในทางวิพากษ์รัฐ, ระบบยุติธรรม, ความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ, การมองข้ามความเป็นมนุษย์ของนักโทษ และปัญหาความเหลื่อมล้ำ แต่ในอีกทางหนังสือเล่มนี้คือการตบหน้าและท้าทายฝ่ายซ้ายและเหล่า NGOs ต่างๆจนเสียศูนย์

ภาพหรือข้อความที่ว่าคือ สุดท้ายแล้วคนที่ไปลงมือต่อสู้จริงๆมันน้อยนิด เมื่อถูกอำนาจรัฐทุบทำลายสุดท้ายก็แตกฮือและอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน ปล่อยให้คนเพียงหยิบมือต้องกลายเป็นไก่ที่ถูกเชือดให้ลิงดู สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือให้ความสนใจหรือความช่วยเหลือเล็กน้อยเพียงผิวเผินพอให้ไม่รู้สึกผิดแล้วจบกันไป เช่น การซื้อหนังสือของเธอมาอ่านเพื่อพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ชวนให้คิดเหมือนกันว่าในขณะที่หนังสือได้ตีพิมพ์ออกมาและรีวิวต่างๆว่อนอินเตอร์เน็ต ผู้เขียนจะมองตัวหนังสือ, ผู้อ่าน และบทความต่างๆที่พูดถึงหนังสือเล่มนี้ด้วยสายตาหยามเหยียดในความปลอมเปลือกและตื้นเขินหรือไม่

พออ่านจบแล้วเราก็ได้แต่คิดว่าเราเองอาจเป็นแค่ลิงที่ยืนดูเขาเชือดไก่ให้ดูในยุคที่มี "ไก่" ถูกเชือดเพื่อขู่ลิงเยอะเสียเหลือเกิน


บ่นไปเรื่อย

หลังอ่านจบไม่อยากบอกว่าเข้าใจอะไรทั้งสิ้น อ่านในแบบที่ว่าเธอเล่ามาฉันก็ฟัง อ่านด้วยความรู้สึกอันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ซึ่งก็คือความขี้เสือก ซึ่งเราก็แนะนำใครก็ตามที่กำลังคิดว่าจะเปิดอ่านหรือซื้อมาอ่านว่าให้เอาความขี้เสือกเป็นที่ตั้งแล้วอ่านไปเหอะ อย่าไปคิดอะไรมาก มันก็จริงอย่างที่ผู้เขียนว่า เราไม่ได้ไปติดคุกกับเขา เราไม่ได้สูญเสียและถูกกดขี่ ไม่ได้ถูกหักหลังและรู้สึกไร้ที่พึ่งพิงแบบเขาในเวลานั้น เราไม่มีวันเข้าใจเขาหรอก

ถ้าไม่นับเรื่องที่รู้สึกเหมือนโดนด่าทั้งก่อนอ่านและหลังอ่านจบก็นับว่าอ่านเพลินดี ไม่มีปัญหากับสำนวนการเขียนและการใช้ภาษา อย่างเดียวที่รู้สึกว่ามีปัญหาคือรูปเล่ม (ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญอะไรหรอก แต่ก็เป็นอะไรที่รบกวนจิตใจขนาดที่ว่าไม่เขียนถึงคงไม่ได้)

ปัญหาคือขนาดหนังสือ เราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงเลือกที่จะพิมพ์หนังสือออกมาเล่มเล็กๆและทำให้มันหนาขนาดนั้น เพราะหน้ากระดาษที่เล็กนั้นทำให้ส่วน "บันทึกกลางเล่ม" ที่เป็นรูปสแกนบันทึกที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ในตอนที่ถูกคุมขังอยู่ถูกย่อลงมาให้เท่ากับขนาดหนังสือ ทำให้ขนาดของตัวหนังสือนั้นเล็กลงมากจนต้องจ้องอ่านกันตาแตก แนะนำว่าถ้ามีแว่นขยายก็ควรนำมาใช้ ซึ่งจุดนี้เป็นปัญหาค่อนข้างหนักเพราะเราเองก็มักจะหยุดอ่านเวลาที่เนื้อหาบอกให้ไปเปิดอ่านบันทึกกลางเล่มที่ว่าเสมอ


Comments