Skip to main content

Featured

[Replay] [Play by Posts] 2400 Cosmic Highway : The Delivery EP 3

  โครงกระดูก Leviathan ที่ยังหลงเหลืออยู่ใน Leviathan Crossing Link to Replay Part 1 Link to Replay Part 2 Replay Part 3 ในขณะที่ Dutch กับ Guillermo กำลังคุยกันเรื่องมัมมี่ Franchetti ที่ทิ้งวิชาชีวะวิทยาไปตั้งแต่ 9 ขวบได้เตรียมการต่อ Monolith เข้ากับ AI จำลองของบีแบพแล้ว “ที่เหลือก็แค่ Launch แล้วอยากมาดูด้วยกันรึเปล่า?” Franchetti เรียกเพื่อนๆมาดูโชว์ DEUS EX MACHINA "นี่คงไม่ได้ต่อเข้ากับ AI ที่เป็น Copilot ของยานใช่ไหม? หวังว่าจะใช้ Server ส่วนตัวมาทดสอบนะ จะได้ปิดสวิตช์มันได้ถ้ามีอะไรผิดพลาด" "Fran มันไม่น่าโง่ขนาดนั้นมั้ง Doc" "ได้ยินนะเฟ้ย AI ยานก็ AI ยานไม่ยุ่งอยู่แล้ว นี่ของจำลองเหมือนเอาวัวที่เราดูดจาก E-69 ไปปล่อยที่ดาวเคราะห์ Rule-31 ไง เข้าใจคร่าวๆไหม?" Franchetti อธิบายพลางทำไม้ทำมือประกอบ "ถ้าคุณพร้อมก็เริ่มการทำงานของมันได้เลย ผมเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน" Guillermo ชูมือให้สัญญาณ Franchetti เริ่มทำการ Launch เชื่อม Monolith ที่ได้มาใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้จะแสดงอะไรออกมาให้เห็น ส่วน Dutch ยืนเคี้ยว Protei...

[Replay] Ultraviolet Legacy : Powered by FATE

 

Ultraviolet Legacy. Pic by Lucas Bakker

- 0 : INTRODUCTION -

GRID-080 เป็นดาวที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางของกาแล็คซี่แห่งนี้ที่มักมีผู้คนจากดาวต่างๆแวะเวียนมาทำมาค้าขาย, ศึกษาเล่าเรียน และหางานทำอยู่เสมอ ส่งผลให้มีเผ่าพันธุ์ประชากรที่หลากหลายทั้งเผ่าพันธุ์พื้นถิ่นและเผ่าพันธุ์จากต่างดาว โดยที่ GRID-080 เป็นดาวที่มีความก้าวหน้าทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ เราจึงสามารถพบได้ทั้งไซบอร์ก, หุ่นยนต์, จอมเวท, มือกระบี่แสง, ไลแคน, ผู้มีพลังจิต ฯลฯ ทำให้หน่วยงานที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของดวงดาวอย่าง Ultraviolet Legacy สาขา GRID-080 นั้นต้องมีบุคลากรที่เก่งกาจและจี๊ดจ๊าดไม่แพ้กัน

Ultraviolet Legacy เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาระหว่างสงครามดวงดาวเพื่อขับไล่กลุ่มดาวชั่วร้ายไปยังโซนอื่นของกาแล็คซี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยมีผู้นำองค์กรคนแรกเป็นแม่มดแห่งแสงที่มีชื่อว่า Ultraviolet ซึ่งได้มอบตำแหน่งผู้นำนี้ให้แก่สหายร่วมรบคนอื่นหลังจากจบสงคราม ส่วนเธอเองก็ออกเดินทางเพื่อสำรวจกาแล็คซี่, มิติ และภพภูมิต่างๆต่อไป

เวลาผ่านไปจนปัจจุบัน หน่วย Ultraviolet Legacy กลายเป็นตำรวจอวกาศที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วหมู่ดาวพันธมิตร เชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายข้อมูล Astral GRID ทำหน้าที่รักษาความสงบให้แก่กาแล็คซี่แห่งนี้


- 1 : THE BAR -

เหล่า Ultraviolet Operator นั่งปล่อยอารมณ์ในบาร์


ในค่ำคืนหนึ่ง ณ โลฟี-แจ๊ซบาร์ใจกลางเมืองหลวงของ GRID-080 ทีม Ultraviolet Operator ทั้งสี่และของกลางที่เพิ่งเก็บกู้กลับมากำลังนั่งผ่อนคลายฟังเพลงเบาๆเคล้าเครื่องดื่ม เป็นการจบวันอันยาวนานด้วยความสบายอารมณ์ แต่ความสงบสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อศูนย์บัญชาการได้แจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านเครื่องมือสื่อสารโฮโลแกรมมาว่าขณะนี้ได้มีศัตรูจำนวนมากปรากฏขึ้นมาในย่านดาวน์ทาวน์ ขอให้ Ultraviolet Operator ทุกคนรีบมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุโดยด่วน

เหล่า Operator ที่เพิ่งจะได้นั่งพักจึงต้องกลับเข้าสู่ภารกิจอีกครั้งด้วยประการนี้ โดย Operator ทีมนี้ประกอบไปด้วย

Precognitive - Chase

นักสืบเชส ผู้มีความสามารถพิเศษในการล่วงรู้อนาคตได้ล่วงหน้า 10 วินาที แม้จะมีชื่อเสียงไม่ดีนักในเรื่องของการคอรัปชันและการใช้ความรุนแรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือเจ้าหน้าที่คนสำคัญขององค์กร 

ในบางครั้งเขาเองก็รู้สึกสับสนว่าภาพที่เขาเห็นอยู่นี้มันคือปัจจุบันหรืออนาคตกันแน่

Precognitive Chase

Lomalomalelo

เด็กหนุ่มผู้เติบโตมาจากป่าใหญ่ เขาเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่แสง ด้วยความที่เป็นคนหัวช้าและไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก เขาจึงจับพลัดจับผลูได้มาฝึกงานที่ Ultraviolet Legacy โดยที่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกงงๆอยู่ว่าเขาสมัครมาตั้งแต่เมื่อไหร่

Lomalomalelo

Ozzy

เขาคือน้ำส้มมีชีวิตซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเครื่องดื่ม Needful ในฐานะของอาวุธชีวภาพ เขามาอยู่กับ Ultraviolet Legacy ในฐานะของกลางภายหลังจากที่บริษัท Needful ถูกปราบปราม แต่ถึงแม้เขาจะเป็นของกลางแต่เขาก็มักจะแอบออกมาจากโหลแก้วประจำตัวของเขาเพื่อไปเที่ยวเล่นในเมืองเป็นประจำ ทำให้ทาง Ultraviolet Legacy ต้องส่งทีมไปเก็บกู้เขากลับมาบ่อยๆ

Ozzy

Lucas Bakker - The Tornado

ลูคัส มนุษย์หมาป่า อดีตนักเบสบอลดาวรุ่ง แต่เนื่องจากหนี้สินที่ท่วมท้นทำให้เขาต้องลงไปเล่นในลีคใต้ดินที่แสนอันตรายและถูกดัดแปลงร่างกายให้เป็นไซบอร์กเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ นอกจากนี้เขายังมีความเชี่ยวชาญในการขับขี่มอเตอร์ไซค์เป็นพิเศษและมีมอเตอร์ไซค์โฮเวอร์ชื่อว่าสการ์เล็ตเป็นคู่หู

Lucas Bakker - The Tornado

Angelina

สาวน้อยจากสลัมผู้มีโรคประจำตัวที่รักษาไม่หาย เธอมีพลังเวทมนต์สายพลังจิตที่สามารถควบคุมน้ำหนักของสิ่งต่างๆและแผ่ออร่ารักษาอาการบาดเจ็บออกมาได้ นอกจากนี้เธอยังเป็นนักส่งของมืออาชีพสังกัดหน่วยขนส่งของ Ultraviolet Legacy ที่มีทักษะการขับขี่เป็นเลิศอีกต่างหาก

Angelina


- 2 : THE HIGHWAY -

ระหว่างทางไปยังดาวน์ทาวน์ พวกเขาถูกขัดขวางจากศัตรูลึกลับ

เมื่อได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ทุกคนจึงได้ออกจากร้านเพื่อเดินทางไปยังย่านดาวน์ทาวน์ ลูคัสได้หยิบแคปซูลขนาดประมาณลูกเบสบอลออกมาและกดปุ่มบนนั้น แคปซูลได้กลายร่างเป็นมอเตอร์ไซค์โฮเวอร์รูปทรงคล้ายมังกรที่มีชื่อว่าสการ์เล็ต เขากระโจนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์และบิดออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทีมที่เหลือก็เข้าประจำที่บนรถตู้ของแองเจลิน่า เมื่อทุกคนประจำที่สาวน้อยนักขนส่งจึงได้เหยียบคันเร่งและพุ่งทะยานตามลูคัสและสการ์เล็ตไป

แต่การเดินทางบนไฮเวย์ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก พวกเขาพบว่าด้านหน้าของเขามีกองกำลังของศัตรูดักอยู่ ประกอบด้วยคนแคระครึ่งเครื่องจักร เมก้าดวอร์ฟ และมังกรอีกตัวบินตามมา พวกเมก้าดวอร์ฟทั้งสองตัวไถโรลเลอร์เบลดพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับร้องตะโกนก้องว่า "Omelett du fromage!"

แต่ไม่ว่าพวกมันจะเร็วแค่ไหนก็ไม่อาจเร็วไปกว่าพลังในการมองเห็นอนาคตล่วงหน้า 10 วินาทีของนักสืบเชส เขาคว้าปืนคู่ใจออกมาและยิงดักทางเมก้าดวอร์ฟตัวแรกที่พุงเข้ามา กระสุนนัดแรกโดนเข้าที่ไหล่ทำให้ตัวของคนแคระจักรกลหมุนคว้างบนโรลเลอร์เบลด และยังไม่ทันจะทรงตัวได้กระสุนนัดที่สองก็ลั่นเข้าที่กลางหน้าผากและส่งมันลงไปนอนข้างทางในทันที

ตัวแรกเพิ่งล้มตัวที่สองตามเข้ามา แต่ก็ยังไม่ไวเท่าแองเจลิน่า เมื่ออยุ่บนไฮเวย์แล้วเจ้าหน้าที่แผนกขนส่งอย่างเธอก็คือราชินี เธอดึงเบรกมือและหักพวงมาลัย ดริฟต์รถตู้สะบัดท้ายกวาดเมก้าดวอร์ฟอีกตัวกระเด็นหลุดไปจากถนน

แม้เมก้าดวอร์ฟจะถูกเขี่ยออกไปโดยง่ายแต่เจ้ามังกรที่บินอยู่ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อโลมาโลมาเลโลกระโดดจากหลังคารถเพื่อจะใช้กระบี่แสงคู่ใจฟาดฟันเจ้ามังกร มันก็บินขึ้นสูงกว่าเดิมทำให้เขาพลาดและร่วงลงสู่พื้น โชคดีที่เจ้าน้ำส้มอูซี่ไหวตัวทัน กระโดดออกจากโหลแก้วและเปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นเบาะหนารองรับโลมาโลมาเลโลที่ตกลงมาได้ทันท่วงที

ลูคัสบิดสการ์เล็ต ดึงโลมาโลมาเลโลและอูซี่ที่กลับร่างเดิมแล้วขึ้นซ้อนท้ายพร้อมพุ่งทะยานเข้าหามังกรด้วยความเร็วสูงสุด แต่ในทันใดนั้นเจ้ามังกรก็ได้อ้าปากออกมา ในปากของมันปรากฏปากกระบอกปืนเลเซอร์ มันชาร์จเลเซอร์และยิงสกัดลูคัสเอาไว้ได้และทำลายถนนไปบางส่วน

เมื่อเห็นดังนั้นอูซี่จึงได้กระโจนลงไปและเปลี่ยนตัวเองเป็นสะพานน้ำส้มเพื่อให้รถตู้ของแองเจลิน่าที่ตามมานั้นสามารถขับผ่านมันไปได้ เมื่อเห็นว่าอูซี่ช่วยคุมสถานการณ์ไว้ แองเจลิน่าก็เหยียบมิดคันเร่งอีกครั้งและพุ่งผ่านสะพานน้ำส้มไป และเมื่อใกล้สุดทางอูซี่ก็ยกตัวขึ้นเป็นเนินให้รถตู้เหิรขึ้นไปชนมังกรเจ้าปัญหาตัวนั้น! แม้จะไม่ได้ทำให้มันร่วงลงมาแต่ก็ทำให้มันเสียหลักจนบินเซ และตอนนี้สมาชิกทั้งหมดก็มาอยู่ในระยะที่จะจู่โจมเจ้ามังกรตัวนี้ได้แล้ว

การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่สุดท้ายแองเจลิน่าก็ได้ใช้พลังของเธอในการเพิ่มน้ำหนักมังกรได้สำเร็จ มันไม่สามารถบินพยุงร่างกายที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้และร่วงลงมาที่พื้นก่อนจะถูกนักสืบเชสยิงใส่จนหมดรังเพลิงและสิ้นใจลงตรงนั้น

หลังการต่อสู้ นักสืบเชสได้ทำการตรวจสอบพวกเมก้าดวอร์ฟ เขาพบว่าพวกมันเป็นไซบอร์กคนแคระที่เคลื่อนที่ด้วยพลังงานจากคริสตัลเวทมนตร์เป็นหลัก และดูเหมือนจะไม่มีหน่วยประมวลผลหรือสมอง เป็นทหารเลวในอุดมคติก็ว่าได้


- 3 : DOWNTOWN -

พวกเขาเดินทางมาถึงดาวน์ทาวน์ และสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือความว่างเปล่า

เหล่า Ultraviolet Operator เดินทางมาถึงดาวน์ทาวน์จนได้ และทางศูนย์บัญชาการก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตึกที่อยู่ตรงสุดถนนนั้นมีม่านพลังขวางอยู่ ให้เหล่า Operator หาทางปิดม่านพลังให้ได้ พร้อมกับส่งข้อมูลลักษณะเฉพาะของม่านพลังนั้นมาให้

แปลก แม้ย่านดาวน์ทาวน์ตอนนี้จะเต็มไปด้วยซากปรักหักพังแต่กลับไม่มีร่องรอยของศัตรูหรือผู้คนเลย พวกเขาออกตามหาเบาะแสด้วยความระมัดระวัง ในที่สุดนักสืบเชสก็สังเกตุเห็นชาวเมืองคนหนึ่งกวักมือเรียกพวกเขาจากในร้านปาจิงโกะ

ทั้งหมดเข้าไปในร้านและได้สอบถามชาวเมืองว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวเมืองบอกว่าหลังจากที่พวกคนแคระจักรกลและพวกมอนสเตอร์ได้เคลื่อนที่ผ่านไปยึดตึกที่ตรงสุดถนน พวกมันก็ได้ทิ้งสไนเปอร์เอาไว้ป้องกันพื้นที่ ทำให้ชาวเมืองต้องหลบอยู่ด้านในไม่สามารถออกไปไหนได้

เมื่อได้ยินดังนั้นเหล่า Operator จึงได้วางแผนกันว่าถ้าจะอพยพชาวเมืองและผ่านไปถึงตึกที่เป็นเป้าหมายพวกเขาจะต้องหาตัวสไนเปอร์เสียก่อน พวกเขาจึงแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมแรกประกอบด้วยลูคัส, โลมาโลมาเลโล และอูซี่ จะขึ้นไปบนดาดฟ้าร้านปาจิงโกะ ส่วนแองเจลิน่ากับนักสืบเชสเป็นทีมที่สองจะไปที่กลางย่านดาวน์ทาวน์เพื่อหาหุ่นลองเสื้อมาเป็นตัวล่อและหาตำแหน่งสไนเปอร์จากวิถีกระสุน

นักสืบเชสใช้วิธีเคลื่อนตัวไปตามยานพาหนะที่จอดระเกะระกะในจังหวะที่ไฟทางที่ติดๆดับๆกระพริบ เขาเคลื่อนตัวไปในเงามืดอย่างเงียบเชียบจนมาถึงร้านเสื้อผ้าและนำหุ่นลองเสื้อออกมาในระยะที่แองเจลิน่าจะสามารถใช้พลังของเธอควบคุมมันได้ เมื่อหุ่นลองเสื้อเริ่มเคลื่อนไหวพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนพร้อมกับหัวของหุ่นลองเสื้อที่ถูกยิงกระเด็น นักสืบเชสไม่พลาดโอกาส ใช้สัญชาตญาณนักสืบของเขาร่วมกับพลังมองอนาคตระบุตำแหน่งของสไนเปอร์คนแรกบนดาดฟ้าได้สำเร็จ

ตัดไปทางอีกทีม โลมาโลมาเลโลขึ้นมาบนดาดฟ้าเป็นคนแรกเพราะต้องการใช้ประสาทที่ฉับไวของเขาในการหาตำแหน่งสไนเปอร์อีกคน แต่เขาก้าวพลาดจนทำให้เกิดเสียงดัง เสียงปืนดังขึ้น โลมาโลมาเลโลเอี้ยวตัวหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่ด้วยการขยับที่กะทันหันเกินไปทำให้เขาหลังยอกและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่ก่อนที่เขาจะตกเป็นเป้านิ่ง ลูคัสสามารถระบุตำแหน่งของสไนเปอร์อีกคนได้จากเสียงปืน เขากระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้าและกระโจนใส่สไนเปอร์ด้วยความเร็วของหมาป่าก่อนที่มันจะทันได้บรรจุกระสุน เขากระแทกมันตกจากยอดตึกลงไปเป็นกองเลือดอยู่ที่พื้นด้านล่าง

สไนเปอร์ที่อยู่อีกตึกเห็นท่าไม่ดีจึงรีบยิงใส่ลูคัสแต่ก็ไม่ไวเท่าหมาป่าไซบอร์ก ลูคัสสามารถหลบกระสุนได้พร้อมกับกระโจนข้ามตึกไปโดยไม่ปล่อยให้สไนเปอร์ได้มีโอกาสหนีหรือบรรจุกระสุนใหม่ เมื่อเท้าถึงพื้นเขาได้ใช้แรงส่งจากการกระโจนในการหมุนตัวเตะ ฟาดเท้าเข้าเต็มหน้าสไนเปอร์จนกระเด็นลงจากตึกไปอีกคน

แองเจลิน่าที่อยู่ด้านล่างเห็นดังนั้นจึงใช้พลังควบคุมน้ำหนักรอรับสไนเปอร์ที่ตกลงมาเอาไว้เพื่อที่จะเค้นข้อมูล และเมื่อมันลงมาถึงพื้นพวกเขาก็พบว่ามันหมดสติไปแล้ว นักสืบเชสจึงเลือกที่จะปลุกมันด้วยการจ่อปืนไปที่เข่าและระเบิดหัวเข่าสไนเปอร์ทิ้ง มันได้สติและร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด

เมื่อดูดีๆแล้ว สไนเปอร์คนนี้ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดเท่าไหร่นัก ร่างของมันเป็นสีเขียว มีเขี้ยวซี่ใหญ่ล้นออกมาจากปาก มันคือออร์ค ออร์คสไนเปอร์! มันใส่เสื้อกันกระสุนที่มีป้ายข้อความเขียนไว้ว่า "ยิงแม่นกว่าเอลฟ์" ติดอยู่

จากการสอบปากคำ พบว่าพวกมันมาจากดาวที่ชื่อ Black Star ดวงดาวที่ถูกเนรเทศไปอยู่อีกโซนของกาแล็คซี่ในสมัยสงครามดวงดาว (สมัยที่ก่อตั้ง Ultraviolet Legacy) ครั้งนี้พวกมันได้รับคำสั่งแค่ว่าให้ดูแลพื้นที่ไว้ ไม่ให้ใครเข้าไปที่ตึกได้ นอกจากนั้นพวกมันก็ไม่รู้อะไร

เมื่อหมดข้อมูล นักสืบเชสจึงได้ทุบเจ้าออร์คสไนเปอร์จนสลบ คนที่เหลืออพยพชาวเมืองออกจากพื้นที่ เมื่อเสร็จเรียบร้อยพวกเขาทั้งหมดจึงเดินทางผ่านดาดฟ้าตึกเพื่อเข้าไปยังตึกที่เป็นเป้าหมาย


- 4 : THE BUILDING -

พวกเขามาถึงตึกที่มีม่านพลังกั้น และพบว่ามีศัตรูเฝ้าอยู่อย่างหนาแน่น

พวกเขาลอบเข้ามาทางดาดฟ้าตึกโดยไม่มีใครจับได้ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือตึกที่มีม่านพลังกั้นอยู่ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป (เพราะชั้นแรกเอาไว้ใช้เป็นทางเข้าออก) มีเมก้าดวอร์ฟสามตัวเดินตรวจตราพลางส่งเสียง "Omelett du fromage!" กันระงม ส่วนที่ประตูหน้ามีหมาป่าหิมะตัวมหึมาเฝ้าอยู่ เหล่า Operator จึงตัดสินใจรอให้พวกเมก้าดวอร์ฟเดินผ่านไปก่อนแล้วค่อยลงไปที่ถนนเพื่อที่จะลอบเข้าไปในอาคารแบบเนียนๆไม่เสียเลือดเสียเนื้อ

แต่ทุกอย่างก็ผิดแผน เมื่อเจ้าอูซี่ได้ออกมาจากโหลแก้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น กลิ่นน้ำส้มหอมหวานลอยไปเตะจมูกหมาป่าหิมะทั้งสองตัวทำให้พวกมันรีบวิ่งมาจากประตูหน้าพร้อมพวกเมก้าดวอร์ฟเพื่อลิ้มรสน้ำส้มนั้นในทันที! พวกเมก้าดวอร์ฟทั้งสามได้ต่อตัวเป็นฐานให้หมาป่าหิมะกระโดดเข้าไปงาบพวก Operator แม้ว่าพวกมันจะต้องเสียหายจากแรงดีดตัวของหมาป่าก็ตาม

ในนาทีวิกฤต แองเจลิน่าได้ใช้พลังของเธอในการล้มเสาไฟมาขวางทางไว้ก่อน ส่วนลูคัสก็บิดสการ์เล็ตที่มีหยดน้ำส้มของอูซี่ป้ายอยู่พุ่งสวนออกไปเพื่อล่อพวกหมาป่าหิมะ พร้อมกันนั้นโลมาโลมาเลโลก็ได้โยนกระบี่แสงของเขาพร้อมกับบิดเปิดแสงจนสุดเพื่อทำให้พวกหมาป่าหิมะตาพร่า แต่ไม่สำเร็จ ทำให้เขาต้องเสียกระบี่แสงประจำตัวไป

ลูคัสล่อหมาป่าหิมะทั้งสองมายังโซนหน้าได้สำเร็จ เขาพยายามขี่สการ์เล็ตเพื่อไต่ตึกในแนวตั้งแต่เจ้าหมาป่าหิมะก็ลากเขาและสการ์เล็ตกลับลงมาที่พื้นจนได้ เคราะห์ดีที่หลังจากเพื่อนๆเข้าไปในตึกได้แล้วก็ได้กลับมาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจพวกหมาป่าจากในตึก ทำให้ลูคัสสบโอกาสบิดสการ์เล็ตหนีเข้าไปในตึกได้เสำเร็จ ทิ้งให้พวกหมาป่ายืนงงอยู่ด้านนอก อย่างไรก็ตามสการ์เล็ตก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องพักฟื้นอยู่ในสภาพแคปซูล

ภายในตึก พวกเขาได้พบกับประตูวาร์ปที่สุดทางเดิน พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าวาร์ปเพื่อทำภารกิจต่อ


- 5 : THE CORE -

หลังจากออกมาจากประตูวาร์ป พวกเขาได้มาปรากฏยังสถานที่แปลกประหลาด

หลังจากที่ออกมาจากประตูวาร์ป Ultraviolet Operator ทั้งสี่พร้อมของกลางอีกหนึ่งก็มาปรากฏตัวยังสถานที่แห่งใหม่ มันเป็นยอดเขาที่พื้นนั้นเต็มไปด้วยคริสตัลและหิน ที่มุมหนึ่งมีประตูเวทมนตร์อยู่ ใกล้ๆกันนั้นมีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งยืนนิ่ง มีกระแสพลังไหลจากพื้นเข้าไปที่ตัวหุ่นและจากตัวหุ่นไหลไปรวมกันที่ก้อนพลังที่อยู่ข้างบน ก่อนที่ก้อนพลังนั้นจะส่งพลังงานเข้าไปในประตูเวทมนตร์อีกที พวกเขาอ่านคลื่นพลังที่รวบรวมอยู่บนก้อนพลังนั้นและพบว่ามันมีลักษณะเฉพาะเหมือนกับม่านพลังที่ด้านนอกตึก 

พวกเขาจึงได้สังเกตุว่าแท้จริงแล้วเจ้าหุ่นนี้ทำหน้าที่ดึงพลังงานจากคริสตัลในพื้นที่และใช้ตัวมันเองเป็นเครื่องแปลงพลังงานเพื่อส่งพลังไปยังอีกฟากของประตูเพื่อสร้างม่านพลัง พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะทำลายคริสตัลที่อยู่ในตัวของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้เสีย แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมืออะไร เมื่อหุ่นยนต์รับรู้ถึงการมาของ Ultraviolet Operator มันจึงขยับตามคำสั่งที่มันได้รับมาก่อนล่วงหน้าด้วยการพุ่งเข้าไปชกประตูเต็มแรง! มันต้องการทำลายประตูเวทมนตร์เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

ศึกครั้งนี้กลายเป็นการยื้อยุดฉุดกระชากไม่ให้เจ้าหุ่นยนต์สามารถทำลายประตูเวทมนตร์ได้และต้องหาทางทำลายคริสตัลในตัวหุ่นให้ได้ไปพร้อมกัน ทุกคนต่างเข้าไปล็อคแขนขาเจ้าหุ่นยนต์เพื่อไม่ให้มันขยับ อูซี่แปลงร่างเป็น Exoskeleton ให้กับลูคัสเพื่อเสริมพลังกล้ามเนื้อ โลมาโลมาเลโลล็อคขา และแองเจลิน่าก็พยายามจะทำให้ร่างกายของมันหนักจนขยับไม่ได้แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล

นักสืบเชสเห็นจังหวะที่มีเพียงเล็กน้อย ชักปืนคู่ใจของเขาและกระหน่ำยิงอีกครั้ง เขาสามารถทำลายคริสตัลไปได้ถึงสองลูกและทำให้อีกหนึ่งลูกร้าว ซึ่งนั่นก็ทำให้หุ่นยนต์ตัวนี้อ่อนแรงลงไปมาก ลูคัสเห็นโอกาสจึงง้างหมัดและซัดใส่คริสตัลที่ร้าวอยู่เต็มแรง ส่งผลให้คริสตัลลูกสุดท้ายแตกกระจาย เมื่อปราศจากคริสตัลมันก็แน่นิ่งไป พลังงานที่ดูดมาจากพื้นที่และส่งผ่านประตูมิติไปก็หยุดลง

และตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วที่พวกเขาทั้งหมดต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่อีกฟากของประตู


- 6 : THE ROOFTOP -

และแล้วพวกเขาก็ได้พบกับ Mastermind ผู้มาจากดาวดวงอื่น

เมื่อพวกเขาออกมาจากประตูเวทมนตร์ก็พบว่าพวกเขานั้นได้มาอยู่บนดาดฟ้าของตึกที่พวกเขาบุกเข้ามาเป็นที่เรียบร้อย ที่นั่นพวกเขาพบกับจอมเวทคนหนึ่งกำลังพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างกับลูกแก้วเวทมนตร์ตรงหน้า พวกเขาทั้งหมดจึงเข้าไปเพื่อสอบถามว่าจอมเวทคนนั้นว่ากำลังทำอะไรอยู่

จอมเวทคนนั้นบอกว่าเขาชื่อแวนเจลิสมาจากดาว Black Star ไม่ได้มีจุดประสงค์จะมาสร้างความขัดแย้ง แค่จะมาเอาของในลูกแก้วนี้ซึ่งข้ามกาแล็คซี่มายัง GRID-080 กลับไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากในลูกแก้วเสียก่อน เสียงนั้นบอกกับเหล่า Ultraviolet Operator ว่า

"ไม่! เขาโกหก อย่าให้เขาพาข้ากลับไป ช่วยข้าด้วย"

เมื่อเห็นท่าไม่ดีและมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นคดีลักพาตัว นักสืบเชสจึงได้ชักปืนออกมา จอมเวทเห็นท่าแล้วว่าเรื่องนี้คงไม่สามารถจบลงแบบไม่มีความรุนแรงได้เขาจึงร่ายเวทเรียกเกราะทองคำขนาดใหญ่ออกมาและเข้าไปควบคุมมัน เขาได้แต่ถอนหายใจและพูดเพียงว่า "ข้าว่าจะไม่ทำให้มันใหญ่โตแล้วเชียว"

การต่อสู้เปิดฉากขึ้น เหล่า Ultraviolet Operator โจมตีใส่เกราะทองคำอย่างต่อเนื่องแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่มันได้เลยแม้แต่รอยขีดข่วนเพราะมันมีม่านพลังเวทบางๆป้องกันเอาไว้ แม้บางการโจมตีจะสร้างความปั่นป่วนให้แก่ม่านพลังเวทนั้นได้แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำลายมัน

ส่วนแวนเจลิสในเกราะทองคำนั้นก็ได้ดูดความเสียหายที่เกิดแก่ม่านพลังเวทมารวบรวมไว้ที่คริสตัลที่มือด้านซ้ายก่อนจะยิงออกไปยังนักสืบเชส, ลูคัส และโลมาโลมาเลโล โดยลูคัสและโลมาโลมาเลโลสามารถป้องกันเอาไว้ได้แต่นักสืบเชสนั้นกลับถูกยิงเข้าเต็มๆจนได้รับบาดเจ็บ

สถานการณ์เริ่มวิกฤต อาวุธที่พวกเขามีไม่พอที่จะเอาชนะแวนเจลิสได้ และในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้รับการติดต่อจากศูนย์บัญชาการอีกครั้ง

"ถึง Ultraviolet Operator ตอนนี้ม่านพลังที่ป้องกันตึกได้หายไปแล้ว การสนับสนุนทางอากาศกำลังไปหา"

สิ้นเสียงพวกเขาก็เห็นโดรนสงครามบินมาหาพวกเขา เมื่อเข้ามาใกล้มันก็เปลี่ยนร่างเป็นปืนใหญ่ลำแสงและหันปากกระบอกปืนไปหาแวนเจลิส มันคือ "Ultraviolet Striker" อาวุธที่มีเพียง Ultraviolet Operator เท่านั้นที่จะใช้งานมันได้ เมื่อทุกคนเห็นอาวุธที่ถูกส่งมาให้ก็เข้าประจำที่ทันที

ลูคัสประจำที่ไกปืน ส่วนอีกสี่คนไปประคองปืนไว้ด้านละสองคน พร้อมกับส่งพลังจิตและพลังกายเข้าไปใน Ultraviolet Striker พวกเขาแต่ละคนสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลมารวมกันที่อาวุธชิ้นนี้ กำลังใจของทุกคนเริ่มกลับคืนมาพร้อมๆกับลำแสงที่กำลังชาร์จ

"พวก Ultraviolet Legacy มีของเล่นใหม่อย่างนั้นหรือ ดี! มาดูกันว่ามันจะแกร่งไปกว่าเวทมนตร์ของข้าหรือเปล่า" แวนเจลิสตะโกนลั่นและเร่งพลังเวทของตัวเองจนถึงขีดสุด คริสตัลทั่วเกราะเปล่งประกายเป็นสีแดงฉาน พลังเวทถูกรวบรวมไปที่คริสตัลในมือด้านซ้าย

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ลำแสงถูกยิงออกมาจากทั้งสองฝ่ายแทบจะในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีม่วงจากทางฝั่ง Ultraviolet Operator และสีแดงจากฝั่งของแวนเจลิส ลำแสงเข้าปะทะกัน เกิดคลื่นกระแทกกระจายออกเป็นวงกว้าง ลำแสงยังคงต้านกันอยู่ ณ จุดปะทะ สมดุลของพลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

และสุดท้ายสมดุลนั้นก็เสียลง ฝ่าย Ultraviolet Operator ได้เค้นพลังกายและพลังใจทั้งหมดเพื่อเพิ่มพลังให้ลำแสง ลำแสงสีม่วงเพิ่มความเข้มข้นขึ้นและดันลำแสงสีแดงกลับไป เกิดแสงสว่างจ้าและควันคลุ้งทั่วบริเวณ

สิ้นแสงและควัน ปรากฏแวนเจลิสที่ทรุดลงกับพื้น รอบข้างมีเศษเกราะสีทองกระจายอยู่ มันหอบหายใจหนัก มันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเวทมนตร์ของมันจะแพ้ แต่ก่อนที่เหล่า Ultraviolet Operator จะได้ทำอะไรต่อ มันได้ใช้พลังเวทเฮือกสุดท้ายวาร์ปหนีไป

เมื่อแวนเจลิสจากไป ทุกอย่างก็ดูสงบลง ลูกแก้วเวทมนตร์ค่อยๆสลายไป เผยให้เห็นหญิงสาวผมทองที่อยู่ด้านในลูกแก้วเวทมนตร์นั้น

"ท่านผู้กล้า โปรดช่วยโลกของข้าด้วย!" 


She ra


-END-

Comments