Skip to main content

Featured

[Replay] [Play by Posts] 2400 Cosmic Highway : The Delivery EP 3

  โครงกระดูก Leviathan ที่ยังหลงเหลืออยู่ใน Leviathan Crossing Link to Replay Part 1 Link to Replay Part 2 Replay Part 3 ในขณะที่ Dutch กับ Guillermo กำลังคุยกันเรื่องมัมมี่ Franchetti ที่ทิ้งวิชาชีวะวิทยาไปตั้งแต่ 9 ขวบได้เตรียมการต่อ Monolith เข้ากับ AI จำลองของบีแบพแล้ว “ที่เหลือก็แค่ Launch แล้วอยากมาดูด้วยกันรึเปล่า?” Franchetti เรียกเพื่อนๆมาดูโชว์ DEUS EX MACHINA "นี่คงไม่ได้ต่อเข้ากับ AI ที่เป็น Copilot ของยานใช่ไหม? หวังว่าจะใช้ Server ส่วนตัวมาทดสอบนะ จะได้ปิดสวิตช์มันได้ถ้ามีอะไรผิดพลาด" "Fran มันไม่น่าโง่ขนาดนั้นมั้ง Doc" "ได้ยินนะเฟ้ย AI ยานก็ AI ยานไม่ยุ่งอยู่แล้ว นี่ของจำลองเหมือนเอาวัวที่เราดูดจาก E-69 ไปปล่อยที่ดาวเคราะห์ Rule-31 ไง เข้าใจคร่าวๆไหม?" Franchetti อธิบายพลางทำไม้ทำมือประกอบ "ถ้าคุณพร้อมก็เริ่มการทำงานของมันได้เลย ผมเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน" Guillermo ชูมือให้สัญญาณ Franchetti เริ่มทำการ Launch เชื่อม Monolith ที่ได้มาใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้จะแสดงอะไรออกมาให้เห็น ส่วน Dutch ยืนเคี้ยว Protei...

เสียงเพรียกจากคธูลู : H.P.Lovecraft

"เสียงเพรียกจากคธูลู"  โดยสำนักพิมพ์เวลา


Introduction

เพิ่งจะอ่านรวมเรื่องสั้นชุด “เสียงเพรียกจากคธูลู” จบ นับเป็นการอ่านสองรอบเพราะก่อนหน้านี้ได้ซื้อนิยายเลิฟคราฟต์ฉบับสมบูรณ์ใน Kindle มา จึงได้ลองอ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษแบบเต็มเรื่องแล้วค่อยมาตามอ่านเวอร์ชันภาษาไทยเพราะนิยายเวอร์ชันภาษาอังกฤษใช้ภาษาที่ค่อนข้างเก่า มีศัพท์และไวยากรณ์แปลกๆเต็มไปหมดจนเริ่มไม่แน่ใจตัวเองว่าที่อ่านจบมาได้เนี่ยรู้เรื่องจริงหรือเปล่า

เกริ่นสักเล็กน้อย หนังสือรวมเรื่องสั้นชุด “เสียงเพรียกจากคธูลู” นำเสนอเรื่องสั้นและนิยายแปลของ H.P.Lovecraft ที่คัดมาแล้วจำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ เดกอน, นครไร้นาม, คืนสู่เหย้า, เสียงเพรียกจากคธูลู และเรื่องสยองของดันวิช แปลโดยคุณ นภ ดารารัตน์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เวลา (https://www.facebook.com/TimePublishing)

My thought

พูดกันในเรื่องของการเขียนและเนื้อเรื่องก่อน อ่านแล้วรู้สึกว่าในฐานะของนิยายสยองขวัญแล้วมันไม่ค่อยดึงดูดใจเสียเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะขนบวิธีการเล่าเรื่องยังคงเป็นของยุคก่อนที่ดำเนินเรื่องอย่างเนิบช้าโดยเริ่มจากความประหลาดอย่างหนึ่งและค่อยๆใส่ความประหลาดเข้ามาทีละเล็กละน้อยระหว่างการดำเนินเรื่อง และความประหลาดที่ว่านี้จะเบ่งบานออกมาเป็นความสยองในตอนท้าย ซึ่งเป็นความสยองแบบนอกรีตหรือท้าทายอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นความสยองที่วัฒนธรรมเอเชียไม่เข้าใจ อารมณ์แบบ ทำไมพวกเราต้องรู้สึกสยองกับการที่รู้ว่ามีคนบูชาปลาหมึกหรือก้อนเนื้อหน้าตาประหลาดด้วย? หรืออาจเป็นเพราะเราโตมาในดินแดนที่มี Cult มากมายมหาศาลและไสยศาสตร์มนตร์ดำเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันก็เป็นได้ เลยกลายเป็นว่าความสยองในงานของ Lovecraft ถูกเจือจางด้วยกำแพงถึงสองชั้น จากวิธีดำนินเรื่องหนึ่งและจากความต่างวัฒนธรรมอีกหนึ่ง

ส่วนในแง่งานแปลคงไม่มีคำไหนที่จะบรรยายความรู้สึกได้ดีไปกว่า “ขอบคุณครับ” เพราะต้นฉบับภาษาอังกฤษอ่านยากมากด้วยลักษณะของภาษาและคำศัพท์ที่ใช้ แต่เวอร์ชันแปลภาษาไทยนั้นแปลออกมาได้ดีและไม่รู้สึกติดขัด เมื่อนำไปเทียบกับข้อความเดิมในต้นฉบับก็ไม่พบการแปลตกหล่นใดๆเลย ซ้ำยังมีการใส่ Footnote ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อหนังสือและอารยธรรมต่างๆที่ผู้เขียนกล่าวถึงในนิยายอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของผู้แปลมากๆ

Summary

โดยสรุป เราว่าที่จริงงานเขียน Lovecraft เป็นงานขายดีไซน์และขาย World setting แต่ไม่เน้นขายพล็อต ความสนุกไม่ได้อยู่ที่ลูกล่อลูกชนหรือการหักมุมในการดำเนินเรื่องแต่อยู่ที่การอ่านรายละเอียดของความประหลาดต่างๆที่ใส่เข้ามาในการดำเนินเรื่องที่เนิบช้าต่างหาก (ซึ่งก็บรรยายออกมาได้ดีเสียด้วย) ที่จริงถ้าเรื่องราวพวกนี้ถูกเขียนขึ้นในสมัยนี้มันจะไม่ได้ถูกพิมพ์ในฐานะนิยายด้วยซ้ำแต่น่าจะเป็นพวก Art book หรือ Lore book เสียมากกว่า

อย่างไรก็ตามการดำเนินเรื่องแบบเขียนไปเรื่อยๆแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะแย่ไปเสียหมด มันทิ้งความรู้สึกบางอย่างติดเอาไว้หลังอ่านจบเป็นเวลายาวนานเหมือนเวลาอ่านวรรณกรรมรัสเซียที่ใช้วิธีเขียนคล้ายๆกัน หากสิ่งที่ติดหัวจากวรรณกรรมรัสเซียคือ “รัสเซียหนาวมาก หนาวเหลือเกิน จิบว๊อดก้าดีกว่า” นิยาย Lovecraft ก็จะมีสิ่งติดหัวประมาณว่า “พวกลัทธินอกรีต โอ้เหม็นเน่า พวกสิ่งต้องสาป โอ้บาปเหลือเกิน” อะไรประมาณนี้ติดอยู่ในหัวหรือแม้กระทั่งมีภาพเครื่องในเน่าเหม็นติดมาด้วยอีกต่างหาก เหมาะแก่การอ่านเพื่อเสริมสร้างอารมณ์และแรงบันดาลใจเป็นอย่างยิ่ง

Comments